ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 55.48 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 11,787.38 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2551 ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.48 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 1,293.24 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 20.01 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 2,755.30 จุด
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น1.7% และดัชนี Nasaq เพิ่มขึ้น 1.9%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการของเจพีมอร์แกน ซึ่งช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวกด้วย โดยเจพีมอร์แกนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รายได้สุทธิในไตรมาส 4 ปี 2553 พุ่งขึ้น 47% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ เนื่องจากจำนวนเงินที่ธนาคารกันสำรองไว้สำหรับหนี้เสียนั้น มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่อย่างเจพีมอร์แกนทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากขึ้น หลังจากที่ลดการจ่ายเงินปันผลในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน เพราะภาคธนาคารต้องกันสำรองเงินทุนไว้เพื่อรับมือกับหนี้เสีย
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกนปิดพุ่ง 1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาปิดพุ่ง 3.3% ก่อนที่ธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ส่วนยอดค้าปลีกตลอดปี 2553 พุ่งขึ้น 6.65% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ปี 2542 สวนทางกับยอดค้าปลีกในปี 2552 ที่หดตัวลง 6.5%
ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณด้านบวกที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% แต่ดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาพลังงานและอาหาร ขยับขึ้นเพียง 0.1% ซึ่งบ่งชี้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.33% ในวันศุกร์ จากระดับ 3.30% ของวันพฤหัสบดี
*ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์