สถาบันเหล็กคาดปี 54 อุตฯเหล็กโตต่อ 5-8% ครึ่งปีแรกราคาปรับขึ้นผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 15, 2011 17:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิกรม วัชระคุปต์ ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความต้องการใช้เหล็กของไทยในปี 54 จะเติบโต 5-8% จากปี 53 ที่มีเกือบ 14 ล้านตัน หลังภาคอุตสาหกรรมต่างๆยังมีแนวดน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์จะโต 10-12% อุตสาหกรรมก่อสร้างโต 4-6% อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าโต 7-10%

"ปี 53 การใช้เหล็กในประเทศสุงสุดเป้นประวัติการณ์เกือบ 14 ล้านตัน หลังอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตสูงมาก ปีนี้ก็คาดว่าจีดีพีจะโต 4.5% ก็น่าจะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆจะยังเติบโตต่อด้วย"

ทั้งนี้คาดว่าราคาเหล็กจะปรับตัวเพิ่มขึ้นและผันผวนมากในช่วงครึ่งปีแรก หลังราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ่านหินที่ถูกผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในประเทศออสเตรเลีย ทำให้เหมืองถ่านหินได้รับความเสียหายหลายแห่ง แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังความผันผวนน่าจะน้อยลง

ด้านปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อตลาดเหล็กไทยในปี 54 ได้แก่ เรื่อง การเมืองและเสรียรภาพของรัฐบาลที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุนภาคก่อสร้าง , ระดับเงินเฟ้อและการปรับเพิ่มดอกเบี้ยซึ่งส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ , ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เหล็ก ที่จะทำให้ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นและเกิดการเก็งกำไร รวมทั้งความผันผวนของค่าเงินบาทและภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศ

ส่วนนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบุคคล บล.ไทยพาณิชย์ สายงานวิจัย กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็กน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยความต้องการใช้เหล็กและราคาเหล็กในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น ตามภาวะอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโต

"คิดว่าอุตสหกรรมเหล็กผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่การขึ้นไปต้องใช้เวลา ปีนี้ก็มองในเชิงบวกมากขึ้น กลุ่มเหล็กถือว่ายังลงทุนได้อยู่ ซึ่งถ้าใครสนใจเรื่องผลตอบแทนการจ่ายปันผลก็ให้เล่นผู้ประกอบการที่เป็นผู้ขาย ถ้าใครอยากลุ้นเรื่องการเติบโตการดำเนินธุรกิจก็ต้องเล่นที่เป็นผู้ผลิต"นายสุกิจ กล่าว

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กในปีนี้คือ ปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งสินแร่เหล็กและถ่านหิน , ค่าเงิน และความสำเร็จในการลงทุนของผู้ประกอบการแต่ละราย

ทั้งนี้คาดว่ากำไรของผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตจะเติบโตถึง 13% ส่วนผู้ประกอบการที่เป็นผู้ค้าหรือผู้ให้บริการจะเติบโต 7% โดยหุ้นกลุ่มเหล็กที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้ในส่วนของผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตแนะนำ CSP , MCS , SMIT , TMT ด้านผู้ประกอบการที่เป็นผู้ค้าหรือผู้ให้บริการแนะนำ SSI


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ