โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN)ด้วยความน่าสนใจที่ backlog สูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท cover รายได้ปีนี้ 90% แล้ว ช่วยจำกัดความเสี่ยง ปันผลอยู่ในเกณฑ์สูง และราคาหุ้นยังไม่ขยับขึ้นมากเป็นไปตามภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความกังวลฟองสบู่ แต่ LPN กระทบแค่ช่วงสั้น ยังเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานดี อีกทั้งปี 54 เดินหน้าเปิดโครงการใหม่อีก 10 แห่ง กระจายการลงทุนในทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม ทั้งในและนอกกรุงเทพฯ เป็นโอกาสเติบโตในระยะยาว
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 12.62 บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ซื้อ 13.00 บล.ธนชาต ซื้อ 14.00 บล.ซิกโก้ ซื้อ 10.80 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 13.20 บล.กสิกรไทย ซื้อ 11.70
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"เพราะยอดขายรอรับรู้รายได้(backlog)สูงมาก cover ประมาณรายได้ปีนี้ค่อนข้างมากถึง 90% ของเป้าหมายแล้ว เหลืออีก 10% ต้องขายและรับรู้รายได้ในปีนี้ก็น่าจะได้ตามประมาณการ และเป็นหุ้นจ่ายเงินปันผลสูงอยู่ในเกณฑ์น่าสนใจ ในปี 54 คาดจ่ายเงินปันผลได้ 0.70 บาท/หุ้น อัตราผลตอบแทน 8.6% ฐานะการเงินค่อนข้างดี มีหนี้น้อยและมีเงินสดค่อนข้างมาก ให้ราคาพื้นฐาน 12.62 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น LPN ยังไม่ขยับมาก ซึ่งเป็นไปตามอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ทำคอนโดมิเนียมล้วนๆ ยังวิตกปัญหาฟองสบู่ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกมาเตือน
"แม้จะเกิดฟองสบู่ แต่ต้องดูด้วยว่าเป็นผู้ประกอบการรายใด เพราะ LPN ทุกครั้งที่มีปัญหาหุ้นก็จะกระทบช่วงสั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี ในที่สุดระยะยาวก็จะดีขึ้น ส่วนดอกเบี้ยขาขึ้นกระทบแน่ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าดอกเบี้ยคือความมั่นใจในการซื้อบ้าน ตราบใดเศรษฐกิจยังมีการเติบโต และอัตราการว่างงานยังไม่สูงมาก ทุกๆ ปีความต้องการบ้านที่แท้จริงก็ยังมีอยู่ 7-8 หมื่นหน่วย สำหรับ LPN เจาะตลาดปานกลางและค่อนข้างแข็งในคอนโดฯระดับกลาง-ล่าง ก็ยังเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐาน"นายสมบัติ กล่าว
ขณะที่ น.ส.วิชชุดา ปลั่งมณี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"คาดไตรมาส 4/53 การรับรู้รายได้ของ LPN น่าจะดีกว่าไตรมาสอื่นที่ประมาณ 3,780 กว่าล้านบาท จากคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ส่วนการจ่ายปันผล หากผลประกอบการในไตรมาส 4/53 ออกมาดี ก็พร้อมที่จะจ่ายปันผลระหว่างกาล โดยคาดว่าจะจ่ายในอัตรา 0.35-0.37 บาท/หุ้น Dividend yield 4.3-4.5% (ครึ่งปีแรกจ่ายแล้ว 0.18 บาท)
และในปีนี้บริษัทก็พยายามจะเปิดโครงการใหม่ออกมาต่อเนื่อง จุดเด่นของ LPN คือ bbacklog มีสูงทำให้การรับรู้รายได้มีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท รับประกันให้กับการรับรู้รายได้
"ราคาที่ลงก่อนหน้าเป็นกังวลเรื่องซัพพลายในตลาดซึ่ง LPN ระดับกลาง-ล่าง ค่อนข้างจะมีสินค้าในตลาดออกมาพอสมควร และกฎของ BOT ที่ออกมา LTV ที่กำหนดไว้ 90% ดาวนฺ์ 10% โดยปกติ LPN ก็พยายามอยู่ในเกณฑ์อยู่แล้ว ส่วนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะกังวลว่าออกถ้าโปรดักส์ใหม่มาแล้วจะขายได้เหมือนเดิมหรือเปล่า" น.ส.วิชชุดา กล่าว
ด้าน บล.ซิกโก้ แนะ"ซื้อ"หุ้น LPN แม้ว่ามาตรการ LTV ของ BOT สำหรับคอนโดมีเนียมได้เริ่มใช้แล้ว แต่มองว่าจะไม่มีผลกระทบกับ LPN นัก เนื่องจากปัจจุบันมีการกำหนดเงินดาวน์ที่ระดับ 10% ของราคาขายอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่หมดอายุลงไปแล้ว กอปรกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และอุปทานคอนโดมีเนียมในตลาดล่างที่จะทยอยสร้างเสร็จหลังจากนี้จะส่งผลให้ยอดขายใน H1/54E ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนภาพรวมในปี 54 คาดการณ์ยอดขายบ้านใหม่จะชะลอตัวลงอยู่ที่ 1.58 หมื่นลบ.เติบโต 5%YoY ขณะที่ในปี 53 ยอดขายบ้านใหม่อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 37% YoY ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดราคาเป้าหมายของ LPN ลงมาอยู่ที่ 10.80 บาท ตามแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงถือเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว จากแนวโน้มผลประกอบการที่จะยังออกมาดีในปี 54 และ Dividend Yield ที่ระดับ 7.5%
บล.กสิกรไทย มองว่า การที่ LPN วางแผนกระจายการลงทุนด้านการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมนอกกรุงเทพฯ โดยในปี 54 จะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ มูลค่า 2 พันล้านบาท และ คอนโดมิเนียมในพัทยา 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 0.5-1 พันล้านบาท ทั้งนี้ เชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะเป็นโอกาสในการเติบโตของ LPN ในระยะยาวเนื่องจากในกลุ่มสินค้า(คอนโดฯ ในกทม)มีภาวะการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ดี ยังไม่รวมโครงการใหม่นี้ลงในประมาณการของเรา และยังต้องรอคอยดูความสำเร็จของ LPN ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นี้
ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ยังเป็นแหล่งรายได้หลักอยู่ และด้วย backlog ขนาด 1.4 หมื่นล้านบาท (จะโอนในปี 54 มูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท) จะช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านรายได้ ขณะที่กลุ่มโครงการที่จะเพิ่มเติมเข้ามาในปีนี้จะช่วยหนุนราคาหุ้นได้
ส่วน บล.ธนชาต ระบุว่า ราคาหุ้น LPN ลดลงราว 34% จากระดับสูงสุดที่ 12.2 บาทหุ้นในช่วงปลายเดือน ต.ค.10 ปัจจุบัน LPN ซื้อขายที่ระดับ PE ปี 54 ถูกอย่างมากที่ 6.1 เท่า และให้ dividend yield ที่ 8.3% โดยคาดกำไรปี 53 น่าจะออกมามากกว่าที่คาดราว 5% และครึ่งปีหลัง DPS น่าจะสูงกว่าคาด น่าจะอยู่ที่ 0.35 บาท คิดเป็น 4.4% yield
ขณะที่บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปีนี้ที่ 25% และมีงานในมือรองรับแล้วกว่า 90%