ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมรมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ๆในการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 16.37 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 5,985.7 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำ อันเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการในวันจันทร์ที่ 17 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
นักลงทุนจับตาดูการประชุมเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ๆในการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของรมว.คลังกลุ่มอียูในวันนี้ โดยมีรายงานว่าเยอรมนีได้ลดความแข็งกร้าวในการต่อต้านแผนการเพิ่มความช่วยเหลือให้กับประเทศที่เผชิญวิกฤตหนี้ หลังจากที่เยอรมนีได้พยายามคัดค้านแผนการเพิ่มวงเงินในกองทุนรักษาเสถียรภาพด้านการเงินของยุโรปมูลค่า 4.40 แสนล้านยูโร หรือ 5.83 แสนล้านดอลลาร์
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 1.4% ส่วนหุ้นเออาร์เอ็ม โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้ออกแบบชิพที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ไอโฟนของบริษัทแอปเปิล ร่วงลง 3% หลังจากมีรายงานว่า สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอของแอปเปิล ประกาศพักงานเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 7 ปีเพื่อรักษาสุขภาพ โดยได้มอบหมายงานบริหารกิจการแอปเปิล อิงค์ ไว้กับนายทิม คุ๊ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของอังกฤษ (CEBR) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้ม 20% ที่จะเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งใหม่ เนื่องจากอัตราว่างงานสูงขึ้นและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยังคงเป็นอุปสรรคขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ CEBR คาดว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัว 1.1% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 1.3% โดยจังหวะการขยายตัวที่ช้าลง ทำให้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญกับภาวะถดถอยรอบใหม่มีอยู่ถึง 20% เพิ่มขึ้นจากการประเมินก่อนหน้านี้ที่ 10%