ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทสหรัฐ รวมถึงโบอิ้ง โค และแคเตอร์พิลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของบริษัทแอปเปิล ภายหลังจากที่นายสตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอของแอปเปิล ประกาศลาหยุดงานเพื่อเข้ารับการรักษาสุขภาพร่างกายอีกครั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 50.55 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 11,837.93 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.78 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 1,295.02 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 10.55 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 2,765.85 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 5.2 พันล้านหุ้น
สำนักข่าววซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนในช่วงแรก โดยดัชนี Nasdaq ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากมีรายงานว่า สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอของแอปเปิล อิงค์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขาได้ลาหยุดงานเพื่อเข้ารับการรักษาอีกครั้ง ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลรอบใหม่ต่ออนาคตของบริษัท โดยจ็อบส์ได้มอบหมายให้ นายทิม คุ้ก ประธานเจ้าหน้าที่ดำเนินงานของแอปเปิล เข้ามารับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมดของแอปเปิลในระหว่างที่เขาลาหยุด ซึ่งจ็อบส์ระบุว่าเขาจะยังคงอยู่ในตำแหน่งซีอีโอ และจะยังคงมีส่วนในการตัดสินใจด้านกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัท
ดังกล่าวกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลงอย่างหนักถึง 6% ในช่วงเปิดตลาด ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาปิดลบเพียง 2.25% ซึ่งการร่วงลงของราคาหุ้นแอปเปิลสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลในอนาคตของบริษัท หลังจากที่จ็อบส์เคยลาหยุดงานเป็นเวลากว่า 2 ปีก่อนหน้านี้ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังถูกกดดันหลังจากซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยกำไรรายไตรมาสมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ และสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ ที่เปิดเผยกำไรไตรมาส 4 มูลค่า 19 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทโบอิ้ง และแคเตอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมากในตลาด โดยหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยประกอบการที่ดีเกินคาด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 และหุ้นแคเตอร์พิลลาร์ปิดบวก 2.8% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 16 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่ดัชนีเคลื่อนไหวที่ระดับดังกล่าว และสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มผู้สร้างบ้านมีความระมัดระวังในเรื่องแนวโน้มยอดขายของช่วงหลายเดือนข้างหน้า อีกทั้งยังบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนธ.ค., เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนม.ค. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ