สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า บมจ.น้ำตาลครบุรี จะเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวนไม่เกิน 176 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ และ มีส่วนของหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 26 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 5.2 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
ผู้ถือหุ้นเดิมที่ร่วมเสนอขายหุ้นดังกล่าว ได้แก่ นายโกศล นันทิลีพงศ์, นางธาริณี เสริมลีลาธรรม, นายกันย์ ถวิลเติมทรัพย์ และนายธีรวัฒน์ ถวิลเติมทรัพย์ จะเสนอขายรายละ 6.5 ล้านหุ้น และภายหลังจากเสนอขายหุ้นเรียบร้อย บริษัทฯจะดำเนินการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทฯมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้ขยายธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า, ขยายกำลังการผลิตน้ำตาล และลงทุนในการพัฒนาอุปกรณ์จักรกลเกษตร และพัฒนาพันธุ์อ้อย รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บมจ.น้ำตาลครบุรี ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย และธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ได้จากการผลิตน้ำตาลทราย โดยบริษัทฯมีรายได้จากการขายน้ำตาลเป็นรายได้หลักคิดเป็น 80% ของรายได้รวม
บริษัทฯมี 3 บริษัทย่อย คือ บริษัท จักรกลเกษตร จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านเครื่องจักรการเกษตร และยานยนต์ต่าง ๆ ให้แก่ชาวไร่อ้อย ส่วนอีก 2 บริษัทฯจะจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับโครงการในอนาคต ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด จัดตั้งเพื่อรองรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อยเพิ่มเติม และ บริษัท ครบุรีไบโอเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับโครงการผลิตเอธานอลจากกากน้ำตาล
ในปีบัญชี 2553 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 3,087.6 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,932.2 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,155.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 167.9 ล้านบาท
ณ วันที่ 14 ม.ค.2554 บริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท และทุนเรียกชำระแล้ว 350 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 350 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังจากเสนอขายหุ้น IPO แล้วบริษัทฯจะมีทุนชำระแล้วเป็น 500 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 14 ม.ค.2554 คือ บริษัท ครบุรี แคปิตอล จำกัด ถือหุ้น 130 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 37.1% หลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 26% และนายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ ถือหุ้น 49.37 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 14.1% หลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 9.9%
บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ที่เหลือหลังจากหักเงินสำรองต่าง ๆ