โบรกเกอร์ เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"บมจ.การบินไทย(THAI)มองปี 54 สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 1 หมื่น-8.8 พันล้านบาท จากปี 53 คาดกำไรจากการดำเนินงานราว 5-8.6 พันล้านบาท และยังมีกำไรจากรายการพิเศษที่จะได้รับอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาทจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน, การโอนกลับสำรองค่าปรับข้อพิพาทอียู และได้ค่าปรับจากแอร์บัส กรณีส่งมอบเครื่องบินล่าช้า
รวมทั้ง มองว่าการปรับศักยภาพฝูงบิน ด้วยการเพิ่มเครื่องบินใหม่เข้ามา ทำให้การบินไทยสามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว และสามารถปรับขึ้นค่าตั๋วโดยสารได้ ทำให้ทิศทางผลประกอบการในอนาคตสดใส โดยคาดว่าช่วง 5 ปีนี้จะมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายพนักงาน หลังจากมีโครงการเกษียณก่อนอายุในปี 53 ทำให้บางโบรกเกอร์ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น THAI ใหม่
ราคาหุ้น THAI ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย ยังมองว่าราคาหุ้นไม่แพง น่าจะเข้าไปลงทุนได้
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท)
บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 64.50
บล.กิมเอ็งฯ ซื้อ 62.50
บล.เคจีไอ ซื้อ 60.00
บล.ทิสโก้ ซื้อ 57.00
บล.กสิกรไทย Neutral 48.30
นส.ดาวดี ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ปรับราคาเป้าหมายหุ้น THAI ขึ้นเป็น 62.50 บาท จากเดิม 44.75 บาท เพราะมองว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของกำไรปกติในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 11.5% จาก 9% เป็นผลจากการปรับฝูงบินด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินใหม่เข้ามาเพิ่ม ช่วยลดต้นทุนน้ำมันและค่าซ่อมบำรุงได้ รวมทั้งเพิ่ม yield ให้ดีขึ้น
ในปี 54 การบินไทยจะมีการรับมอบเครื่องบินใหม่ รวมเครื่องบินที่มีการปรับปรุงที่นั่ง รวม 7 ลำ จะทำให้บริษัทสามามารถปรับราคาตั๋วโดยสารได้ตามคุณภาพที่นั่งที่ดีขึ้น
"แผนการปรับฝูงบินของเขาจะทำให้คุณภาพของที่นั่งจะดีสม่ำเสมอ และบริษัทน่าจะขึ้นค่าตั๋วได้ เดิมทีการบินไทยมีปัญหาที่เพิ่ม yield ไม่ได้ เพราะเครื่องบินเก่า ส่วนการให้บริการคงไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่น"นส.ดาวดี กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 54 จะมีกำไรปกติ หรือ กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 8,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีกำไรปกติที่ 4,999 ล้านบาท ซึ่งปี 53 มีค่าใช้จ่าย early retire ราว 1,900 ล้านบาท และปรับขึ้นค่าใช้จ่ายน้ำมันจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ปี 53 จะมีกำไรจากรายการพิเศษเข้ามา ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 9,525 ล้านบาท และมีกำไรจากรายการพิเศษอีก 1,595 ล้านบาท เช่น ค่าปรับจากแอร์บัส ด้อยค่าสินทรัพย์ และโอนกลับสำรองหนี้สินค่าปรับ EU ประมาณ 700 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ คาดว่า กำไรในไตรมาส 1/54 จะออกมาดี จากการที่บริษัทมีแผนลดต้นทุนในปี 54 และเป็นช่วงทีนักท่องเที่ยวจะเข้ามต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค.53 ทั้งนี้ในไตรมาส 4/53 บริษัทมีค่าใข้จ่ายในโครงการเกษียณก่อนอายุ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายบริหารในระยะยาว
ในปี 54 คาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปี 53 ที่มี 8,650 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.6% โดยคาดว่า Cabin factor ของ THAI ในปี 54 จะเพิ่มเป็นประมาณ 75% จาก 73.1% ในปี 53 ซึ่งรับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในไตรมาส 2/53
ส่วนบทวิเคราะห์ของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)คาดการณ์กำไรสุทธิของ THAI ไตรมาส 4/53 อ่อนลง แต่ยังคงน่าพอใจ และถึงแม้ไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลการท่องเที่ยวแต่ก็ได้รับผลกระทบทางลบจากเรื่องภาวะน้ำท่วมขังในหลายส่วนของไทย ในช่วงระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย.53 ความต้องการเดินทางลดน้อยลง ส่งผลให้ cabin factor ในไตรมาส 4/53 ลดลงเป็น 73.8% เทียบกับ yoy ที่ 75.4% อีกทั้งยังมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเกษียณก่อนกำหนดของพนักงานที่ 1.8 พันล้านบาท แต่เราเห็นว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/53 ก็ยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐานที่ 64.50 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/BV ปี 54 ที่ 1.5 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ย P/BV+1 SD ในงวด 7 ปีย้อนหลัง และผู้ประกอบการรายอื่นๆในภูมิภาคแถบนี้
อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องราคาพลังงานที่ปรับขึ้น และการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/53 ที่อ่อนลง แต่ยังคงมีมุมมองที่ดีกับ THAI เพราะปี 54 แนวโน้มการดำเนินงานยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงเรื่องการปรับขึ้นของราคาพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนโยบายป้องกันความเสี่ยง(hedging)และมี surcharge ที่ช่วยสนับสนุนอยู่ ประกอบกับ ราคาหุ้นยังไม่แพง