ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 12.64 จุดเหตุตลาดผิดหวังผลประกอบการ"โกลด์แมน แซคส์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 20, 2011 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการของสถาบันการเงินรายใหญ่อย่าง โกลด์แมน แซคส์ และสถาบันการเงินขนาดกลางอีกหลายแห่ง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานตัวเลขสร้างงานของสหรัฐที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 12.64 จุด หรือ 0.11% แตะที่ 11,825.29 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 13.10 จุด หรือ 0.01% แตะที่ 1,281.92 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 40.49 จุด หรือ 1.46% ปิดที่ 2,725.36 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า กำไรไตรมาส 4 ปี 2553 ร่วงลง 53% เนื่องจากผลประกอบการด้านเทรดดิ้งและวาณิชธนกิจซึ่งเป็นรายได้หลักปรับตัวลดลง ส่วนรายได้สุทธิในไตรมาส 4 หลังจากจ่ายเงินปันผลในรูปของหุ้นบุริมสิทธิ์แล้ว มีอยู่ทั้งสิ้น 2.23 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.79 ดอลลาร์ต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ระดับ 4.79 พันล้านดอลลาร์ หรือ 8.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ส่วนเวลส์ ฟาร์โก รายงานว่า กำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 21% แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ธนาคารนอร์เธิร์น ทรัสต์ และสเตท สตรีท รายงานตัวเลขกำไรที่ปรับตัวลดลง

ผลประกอบการที่น่าผิดหวังในภาคธนาคารของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงินอย่างหนัก โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ หุ้นเจพีมอร์แกน เชสแอนด์โค และหุ้นวีซ่า อิงค์ ปิดร่วงกว่า 2% หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเจพีมอร์แกน เชส ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคักเพราะคาดหวังว่า สถาบันการเงินในสหรัฐจะสามารถเพิ่มการจ่ายเงินปันผลได้

โดยเจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า ธนาคารมีรายได้สุทธิในไตรมาส 4 ปี 2553 เพิ่มขึ้น 47% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท ขณะที่นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนกล่าวว่า เจพีมอร์แกนอาจจะจ่ายเงินปันผลรายปีเพิ่มขึ้นจาก 20 เซนต์ต่อหุ้น เป็น 1 ดอลลาร์ต่อหุ้น หากได้รับอนุมัตรจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังถูกกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการสร้างบ้านประจำเดือนธ.ค.ปี 2553 ร่วงลงแตะระดับ 529,000 หลังต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 553,000 หลัง และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 550,000 หลัง ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 16.7% แตะระดับ 635,000 หลัง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 560,000 หลัง

หุ้นไอบีเอ็มปิดพุ่ง 5.04 ดอลลาร์ แตะที่ 155.69 ดอลลาร์ หลังจากไอบีเอ็มรายงานว่า บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.3 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 หรือ 4.18 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับ 4.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.59 ดอลลาร์ต่อหุ้นในปีก่อน

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนธ.ค., เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนม.ค. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ