นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุน ASP-MMF1 ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนไทย อายุ 3 เดือน ผลตอบแทน 1.95% ต่อปี วันที่ 25 ม.ค. และกองทุน GBF-3M1 ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 3 เดือน ผลตอบแทน 1.80% ต่อปี วันที่ 26 ม.ค. นี้
ทั้งนี้ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1(ASP-MMF1)ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ อายุ 3 เดือน กองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงินภาครัฐ และบริษัทเอกชนไทยชั้นนำ คาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 1.95% ต่อปี
และ กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทย ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบคุ้มครองเงินลงทุนเริ่มต้น และไม่ชอบความเสี่ยงสูง โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 100% อายุ 3 เดือน คาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 1.80% ต่อปี
นายวิน กล่าวว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลช่วงอายุคงเหลือมากกวา 4 ปีปรับตัวอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนตางชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุนและซื้อขายทำกำไรในประเทศแถบเอเชียมากขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลง
ขณะที่นักลงทุนในประเทศมีการขายตราสารเพื่อทำกำไร หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีแนวโน้มผันผวนในระดับสูง ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวบ้าง
นายวิน กล่าวว่า ในแง่ของการลงทุน ยังคงแนะนำให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไปตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อาจมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยคาดว่าปลายปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ที่ระดับ 2.75-3.00%