นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยสำหรับปี 53 มีกำไรสุทธิ 24,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% จากปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานหลัก และกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน โดย สินเชื่อในไตรมาส 4/53 มีการเติบโตดี ผลการดำเนินงานของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้นนั้นเกิดจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นผลดีต่อการดำเนินกิจการของลูกค้า ประกอบกับความพร้อมด้านพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคงและความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร
"ตลอดปี 2553 ที่ผ่านมา ธนาคารยังคงยึดมั่นในแนวทางการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในธนาคาร โดยยึดถือความพึงพอใจของลูกค้าเป็นเป้าหมายสำคัญ ซึ่งแนวทางการทำงานดังกล่าวช่วยให้ธนาคารเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ธนาคารสามารถสนับสนุนลูกค้าในการวางแผนและช่วยให้ลูกค้าปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น" นายชาติศิริ กล่าว
ธนาคารคาดว่าการเติบโตที่เกิดในไตรมาส 4/53จะยังคงมีกำลังขับเคลื่อนต่อไปในปี 54 และนำมาซึ่งการขยายตัวและความสำเร็จทางธุรกิจของธนาคารยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปี 53 ขยายตัวสุทธิ 112,836 ล้านบาทหรือ 9.9% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 52 โดยเฉพาะในไตรมาส 4/53งเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 89,635 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า การที่สินเชื่อเติบโตได้ดีในไตรมาส 4 นั้น ส่วนหนึ่งเป็นสินเชื่อที่ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมเกษตรซึ่งมักจะมีความต้องการสินเชื่อเป็นปริมาณมากเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปี
อีกส่วนหนึ่งคือผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรม มีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งแนวโน้มความต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุนเช่นนี้คาดว่าจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องในปี 54 และธนาคารมีความพร้อมทั้งในด้านสภาพคล่องและเงินกองทุน เพื่อรองรับความต้องการสินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้น
สินทรัพย์สภาพคล่องสูงของธนาคาร ซึ่งประกอบด้วยเงินสดและรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน มีจำนวน 385,978 ล้านบาท ณ สิ้นปี 53 เงินฝากของธนาคารมีจำนวน 1,394,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จาก ณ สิ้นปี 52 คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ 90.1% ซึ่งเป็นระดับที่ยังคงต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยในระบบธนาคารไทย
ธนาคารสามารถรักษาคุณภาพของสินทรัพย์ได้เป็นอย่างดี สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค.53 ลดลงเหลือ 45,588 ล้านบาท หรือ 3% เทียบกับ 55,638 ล้านบาทหรือ 4.4% ณ สิ้นปี 52 ซึ่งเป็นผลจากความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้และสภาพเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการลดจำนวนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อไปในปี 54
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงแนวทางความระมัดระวังในการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ ณ สิ้นปี 53 ธนาคารมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวมทั้งสิ้น 72,452 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนซึ่งมีอยู่ 65,145 ล้านบาท และมีสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงที่ 158.9% ในปี 53 ถึงแม้ว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิคงตัวที่ 2.95% ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2,986ล้านบาท ในขณะเดียวกันรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 7,075 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินรอการขายและการขายเงินลงทุนในธนาคารสินเอเซีย
รายได้ค่าธรรมเนียมยังคงเพิ่มขึ้น 9% ส่วนใหญ่เป็นค่าธรรมเนียมจากการให้สินเชื่อ บริการบัตรเครดิต บริการชำระเงิน และบริการประกันชีวิตผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันส์) ในปี 54 ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าว รวมถึงบริการวาณิชธนกิจและบริการจัดการเงินสด
ธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในระดับที่น่าพอใจ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7.2% เนื่องจากธนาคารสามารถสร้างรายได้ในอัตราที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงเหลือ 49.2% ธนาคารดำรงสถานะเงินกองทุนในระดับสูง โดยเมื่อนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนหลังของปี 53 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นและเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ในระดับประมาณ 17% และ 13.4% ตามลำดับ ความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนของธนาคารสะท้อนถึงศักยภาพในการรองรับความต้องการสินเชื่อทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดี
ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธ.ค.53 มีจำนวน 231,348 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้น 12.9 บาท และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 120.8 บาท