โบรกฯหนุน"ซื้อ"PTTEPผู้บริหารคาดมอนทาร่าสรุปก.พ.-มี.ค.,มั่นใจไม่ถูกยึด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 21, 2011 10:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)มองประเด็นปัญหาแหล่งมอนทารา ผู้บริหารให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ารัฐบาลออสเตรเลียกำลังตรวจสอบ และคาดว่าจะรู้ผลในเดือนก.พ.- มี.ค.นี้ จะไม่มีปัญหาถึงขั้นยึดใบอนุญาต แต่อาจจะเป็นการข้อมูลเพิ่มเติม หรือให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อ

แต่หากถูกยึดใบอนุญาตจริง ราคาเหมาะสมถูกจะปรับลง 18-23 บาท แต่ก็ยังอยู่เหนือ 200 บาท สูงกว่าราคาหุ้นในปัจจุบันที่ถูกกดดันด้วยเรื่องโครงการมอนทารา

ส่วนการฟ้องร้องของทางรัฐบาลอินโดนีเซียที่อ้างว่าได้รีบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากปัญหาแหล่งมอนทาร่า ยังให้น้ำหนักค่อนข้างน้อย เพราะหลักฐานไม่ชัดเจน

ขณะที่ผลประกอบการในปี 54 จะเติบโตทั้งจากยอดขายและราคาขายสูงขึ้นตามน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปีนี้กำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโต และแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว จากการลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 54-58)ด้วยงบลงทุน 5.04 แสนล้านบาท

          โบรกเกอร์       คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.ทิสโก้         ซื้อ             240.00
          บล.เอเซียพลัส     ซื้อ             236.08
          บล.โกลเบล็ก      ซื้อ             230.00
          บล.กิมเอ็ง        ซื้อ             225.00
          บล.เคจีไอ        ซื้อ             220.00
          บล.เกียรตินาคิน    ซื้อ             218.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา   ซื้อ             200.00

นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ในปี 54 ภาพรวมธุรกิจของ PTTEP ดีขึ้น ทั้งมีปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันเฉลี่ยทีระดับ 85 เหรียญ/บาร์เรล โดยขณะนี้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 90 เหรียญ/บาร์เรล สูงกว่าปี 53 ที่ราคน้ำมันเฉลี่ยที่ 75 เหรียญ/บาร์เรล

แต่จากการที่โครงการมอนทาราเลื่อนการผลิตมาเป็นไตรมาส 4/54 ทำให้รายได้ลดลง และปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิ1.3%จากเดิม มาอยู่ที่ 5.06 หมื่นล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเที่ยบกับปี 53 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4.09 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการตรวจสอบโครงการมอนทาร่า สร้างความกังวลให้นักลงทุน ถ่วงให้ราคาหุ้น PTTEP ไม่ได้ปรับขึ้น แต่จากการเข้าพบผู้บริหารได้รับฟังประเด็นดังกล่าวแล้วเห็นว่าผลออกมาไม่น่าจะรุนแรง หรือไม่น่าจะมีปัญหาถึงขั้นรัฐบาลออสเตรเลียจะยึดใบอนุญาต แต่น่าจะมีการประกาศให้ดำเนินการต่อ หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่า ซึ่งคาดว่าจะมีผลชัดเจนในเดือนก.พ.-มี.ค.นี้ รวมทั้งการเรียกร้องค่าเสียหายของอินโดนีเซียคาดว่าจะไม่เกิดขึ้น

ดังนั้น จึงเห็นว่าน่าจะทยอยสะสมซื้อลงทุน เพราะเชื่อว่าในปี 55 ผลประกอบการยิ่งดีขึ้น จากที่แหล่งใหม่ในเวียดนาม 16-1 , แหล่งบงกชใต้ และ แหล่งมอนทารา จะเข้ามเต็มปี

"ดูแล้วน่าจะเป็นเชิงบวก แค้ตลาดอาจจะไม่ชอบความไม่ชัดเจน ก็เป็นอีกเรื่อง ต่อให้มอนทาราถูกยึดไป ราคาที่เหมาะสม ลดลงเหลือ 202 บาท ตัดออกไป 23 บาท แต่ดูความเสี่ยงประเมินแล้วไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง คือราคาหุ้นยังถูก ดูแล้วคุ้มค่าที่จะเสี่ยง"นายกิติชาญ กล่าว

ด้านนายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของ PTTEP ในระยะยาวยังดีต่อเนื่อง ยกเว้นปี 54 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะทรงตัวมาอยู่ที่ 41,771 ล้านบาท เติบโตเพียง 1.2% จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 41,266 ล้านบาท

เนื่องจากยอดขายปี 54 ปรัยลดเป้าลง 1% เหลือ 273,000 บารเรล์ต่อวัน และการผลิตจากแหล่งมอนทาราเลื่อนจากกลางปี 54 เป็นปลายปี 54

ดังนั้น จึงมีการปรับราคาเหมาะสมมาอยู่ที่ 220 บาท จากเดิมให้ราคาเหมาะสมที่ 235 บาท

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันก็ยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายใหม่อยู่มาก จึงแนะนำซื้อ รวมทั้งในเดือนก.พ.-มี.ค.นี้ผลตรวจสอบโครงการแหล่งมอนทารา คาดว่าจะออกมา และรัฐบาลออสเตรเลียคงให้ PTTEP ยื่นข้อมูลอีกครั้ง และคงยังไม่ได้ผลตรวจสอบสรุปสุดท้าย

"แนะนำให้ซื้อทยอยสะสม ตามการเติบโตในระยะยาว เชื่อว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นถ้าความเสี่ยงมอนทาราไม่มีแล้ว" นายชายวุทธ กล่าว

ส่วน บล.เอเซียพลัส ระบุ ผู้บริหาร PTTEP เปิดเผยว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะประกาศข้อสรุปกรณีมอนทาราอย่างเป็นทางการภายในเดือน ก.พ. หรือ มี.ค. 54 นี้ ซึ่งผู้บริหารเชื่อว่าข้อสรุปที่จะออกมานั้นน่าจะเกิดในกรณีที่ยังคงให้ PTTEP สามารถดำเนินการผลิตในโครงการมอนทาราได้ต่อ หากข้อสรุปเกิดขึ้นในกรณีนี้โครงการมอนทาราจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/54 ด้วยกำลังการผลิต 3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน

สำหรับในส่วนของค่าปรับที่จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น และเป็นจำนวนเท่าใดจะต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงาน DEWHA และ NOPSA ซึ่งเป็นองค์กรที่พิจารณาทางด้านผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของออสเตรเลียว่าจะมีบทลงโทษอย่างไร ซึ่งจะเป็นอิสระจากคำตัดสินของรัฐบาลออสเตรเลียข้างต้น

อย่างไรก็ตาม หากข้อสรุปที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามคาดนั่นคือรัฐบาลออสเตรเลียจะมีการยื่นหนังสือให้ PTTEP ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม(Show-cause Notice) โดย PTTEP จะมีเวลา 30 วันในการเตรียมเอกสารแสดงสิทธิที่จะทำให้สามารถดำเนินการโครงการต่อและยื่นเสนอต่อรัฐบาลฯ ทางรัฐบาลฯจะใช้เวลาราว 2-3 เดือนในการทบทวนก่อนที่จะออกคำตัดสินสุดท้าย

นั่นหมายถึงมีเพียง 2 ทางเลือกคือ 1) สามารถดำเนินการต่อได้ และ 2) ยกเลิกใบอนุญาตดำเนินการ ซึ่งหากถูกยกเลิกใบอนุญาต PTTEP ยังมีสิทธิที่จะฟ้องร้องต่อศาลของออสเตรเลียได้ หรือจะทำการขายสินทรัพย์ของมอนทาราออกไป (Write-off) เป็นการจบโครงการ จึงถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม

สำหรับในส่วนของการฟ้องร้องของประเทศอินโดนีเซียนั้น มีมุมมองว่ามีน้ำหนักค่อนข้างน้อย เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ชัดเจน

ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำทยอยซื้อสะสมลงทุน เพราะเชื่อว่าราคาหุ้น PTTEP ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงสะท้อนปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นไปมากแล้ว และยังคงเชื่อว่าแนวโน้มข้อสรุปจากโครงการมอนทาราที่จะเกิดขึ้นไม่น่าจะเลวร้ายถึงขั้นถูกยกเลิกใบอนุญาตการเป็นผู้ดำเนินการ

แต่หากเกิดกรณีเลวร้ายถึงขั้น PTTEP ถูกยกเลิกใบอนุญาต จะส่งผลให้ PTTEP ต้องบันทึกการตัดจำหน่าย (Write-off) ราว 1 พันล้านเหรียญฯ และกระทบต่อ Fair Value ราว 18 บาทต่อหุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ