นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ 2 กองทุน มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาทในวันที่ 25-31 ม.ค.54 เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากประจำและตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน
กองทุนที่จะเสนอขาย ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน เจ(KFI3MJ) ขนาดกองทุน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 1 ปี บี (KFI1YB) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี ขนาดกองทุน 6,000 ล้านบาท ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.90% และ 2.60% ต่อปี โดยลำดับ
"ทั้ง 2 กองทุนใหม่ที่จะเปิดขาย ยังคงเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ซึ่งขณะนี้อัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นมาตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพียงอย่างเดียว จึงเพิ่มการลงทุนในตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงินในประเทศเข้าไปในกองทุน KFI3MJ ด้วยเพื่อให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศได้ผลตอบแทนที่จูงใจมากขึ้น"นายพัชร กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน เจ (KFI3MJ) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 3 เดือน ตั๋วแลกเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือธนาคารทิสโก้ หรือธนาคารดอยช์แบงก์ และ ตั๋วแลกเงินธนาคาร Credit Agricole Corporate and Investment Bank (CACIB) หรือธนาคารทหารไทย ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ 1.90% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 1 ปี บี (KFI1YB) ลงทุนส่วนใหญ่ในพันธบัตรรัฐบาลไทย และเงินฝากธนาคาร Union National Bank (UNB) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ 2.60% ต่อปี
"กองทุน KFI1YB จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยและเงินฝากธนาคาร Union National Bank ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมองว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารใน UAE ในขณะนี้ยังอยู่ในอัตราที่น่าสนใจ จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี ก่อนอัตราดอกเบี้ยใน UAE จะเริ่มปรับตัวสู่แนวโน้มขาลง"นายพัชร กล่าว