ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทอินเทล คอร์ป ประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลและเพิ่มการซื้อคืนหุ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ จะอนุมัติโครงการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ในการกล่าวแถลงการณ์ประจำปี (State of the Union) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 ม.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 108.68 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 11,980.52 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.49 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 1,290.84 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น 28.01 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 2,717.55 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 961 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นใกล้แนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 12,000 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า บริษัทอินเทล คอร์ป ประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล 15% และอนุมัติการซื้อหุ้นคืน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอินเทลปิดพุ่งขึ้น 2% และพยุงหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นด้วย
หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น หลังจากสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ของสมาคมมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐมากที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในเดือนธ.ค.ปี 2550 โดยหุ้นอัลโค ปิดพุ่ง 4.1% ซึ่งทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาหุ้นที่มีน้ำหนักมาก 30 ตัวที่ใช้ในการคำนวณดัชนีดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นวัลแคน แมเทเรียลส์ ปิดพุ่งกว่า 3% และหุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป ปิดพุ่งกว่า 3% เช่นกัน
หุ้นแมคโดนัลด์ปิดบวก 0.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม แมคโดนัลด์ยอมรับว่า ต้นทุนราคาอาหารที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ ส่วนหุ้นเจซี เพนนี ปิดทะยานขึ้น 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าอาจจะต้องปิดห้างค้าปลีกบางแห่งเพื่อลดต้นทุน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ในการแถลงนโยบายประจำปีของโอบามาซึ่งจะมีขึ้นในคืนวันอังคารที่ 25 ม.ค.ตามเวลาประเทศไทยนั้น ผู้นำสหรัฐจะเรียกร้องให้พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันปรองดองกันเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติและหนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าโอบามาจะตัดสินใจอนุมัติโครงการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลในระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ด้วย
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนพ.ย., คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มการประชุมนโยบายการเงิน วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. และเฟดจะประกาศมติการประชุมนโยบายการเงิน
วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2553 ครั้งที่ 1, กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 4 ปี 2553 และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.