SPALI เป้าปี 54 รายได้โต 20% backlog หนุน-เปิดใหม่อย่างน้อย 14 โครงการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 25, 2011 11:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย(SPALI)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้าปี 54 ยอดรับรู้รายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่ตั้งเป้ารายได้ระดับ 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขณะนี้บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้(backlog)ในมือสูงถึง 1.91 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะทยอยรับรู้ฯไปถึงปี 57 โดยจะเป็นยอดที่รับรู้ฯในปีนี้ประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 60% ของเป้ารับรู้รายได้ปีนี้แล้ว

"ปี 54 เป้ารายได้ที่คาดไว้น่าจะมากกว่าเดิมประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งงบฯปี 53 จะประกาศต้นมี.ค.ในแง่รายได้ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ แต่กำไรบอกไม่ได้ ส่วนปี 54 ก็ตั้งเป้ารายได้โตเกือบ 20% จากปีก่อน"นายไตรเตชะ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 14 โครงการในปีนี้ ขณะนี้มีที่ดินครบแล้ว มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย(พรีเซล)ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท

สำหรับโครงการที่ได้กำหนดแผนงานแล้วที่จะเปิดขายในปีนี้ จะเป็นโครงการแนวราบ 10 โครงการ คอนโดมิเนียมอย่างน้อย 4 โครงการ ยังไม่รวมที่ดินที่จะสามารถซื้อเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ได้อีก โดยขณะนี้ได้เจรจาซื้อที่ดินไว้หลายแปลง คาดว่าจะเซ็นสัญญาซื้อขายได้ภายใน 1-2 เดือน จากงบซื้อที่ดินที่บริษัทได้ปรับเพิ่มมาที่ 4,500 ล้านบาท จากปีก่อน 4,200 ล้านบาท ก็น่าจะมีที่ดินที่จะซื้อเพิ่มได้จำนวนมาก

"งบ 4.5 พันล้านบาทนี้เตรียมไว้สำหรับซื้อที่ดินแปลงใหม่ทั้งหมดที่คาดว่าปีนี้น่าจะซื้อเพิ่มได้อีก 20 กว่าแปลง ตอนนี้มี 14 แปลงที่จะเปิดโครงการปีนี้ และเรายังมีที่ดินที่ซื้อไว้รอเปิดโครงการปีหน้าเป็นต้นไปอีก 10 แปลง เพราะฉะนั้นเรามีที่ดินในมือแล้ว 24 แปลง ถ้าซื้อเพิ่มได้อีก 20 แปลงก็จะสามารถพัฒนาไปได้อีก 3-4 ปี"นายไตรเตชะ กล่าว

นายไตรเตชะ กล่าวว่า โครงการที่จะมีการเปิดตัวในไตรมาสแรกปีนี้มี 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นเป็นโครงการแนวสูง ส่วนที่เหลือจะเปิดตัวในไตรมาส 2-3/54 เป็นหลัก ส่วนไตรมาส 4/54 คงเปิดตัวโครงการใหม่ไม่มาก

ส่วนปัจจัยทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนั้น นายไตรเตชะ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นห่วงมากนัก เพราะถึงแม้จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อ 3-4 ปีก่อน ขณะนี้ลูกค้าก็ยังไม่ได้มองว่าดอกเบี้ยแพง โดยตอนนี้ชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยในปีนี้คงจะปรับขึ้นประมาณ 0.75% ซึ่งก็ยังก็ไม่ได้สูงมากและหากเป็นการทยอยปรับขึ้นก็คงไม่กระทบต่อความรู้สึกของลูกค้ามากนัก

ขณะที่ราคาบ้านก็คงจะมีการปรับไปตามภาวะต้นทุน อย่างปลายปีที่แล้วก็ปรับเล็กน้อย คงปรับตามค่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่มากไปกว่านั้น

นายไตรเตชะ กล่าวว่า ปัจจัยที่น่ากังวลปีนี้คงต้องดูตลาดคอนโดมิเนียมเป็นพิเศษ เชื่อว่ายอดเปิดตัวจะน้อยลง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะขายง่ายขึ้น เพราะซัพพลายจากปีก่อนยังมีอยู่ ขึ้นกับความรู้สึกความมั่นใจและความต้องการของลูกค้าว่าเป็นอย่างไรมากกว่า แต่ทางด้านเทคนิคด้านตัวเลขมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยยังห่างกับคำว่าล้นตลาด เพราะหากนับยอดคงเหลือของคอนโดมิเนียมจากปีที่แล้วตลาดสามารถดูดซับไปได้หมดภายในหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในละแวกใกล้เคียง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ