นายกิตติ ชีวะเกตุ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโต 13% จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีรายได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 743 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ยังมาจากยอดขายในธุรกิจการนำเข้าสินค้าและเคมีภัณฑ์
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซลที่เป็นโรงการร่วมทุนกับบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP)เพิ่มอีก 20-30% จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 3 แสนลิตร/วัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท
และในปีนี้บริษัทยังจะมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอีก 5 ประเภท ได้แก่ สารเร่งปฏิกิริยาสำหรับปิโตรเคมีขั้นปลายน้ำ, สารจับปรอทในก๊าซธรรมชาติ, สารดูดกลิ่นดูดสีในอุตสาหสกรรมปิโตรเคมี, ระบบกรองอากาศที่ใช้สำหรับโรงไฟฟ้า และ น้ำยาคอมเพรสเซอร์แอร์ น้ำยาแอร์ที่ป้องกันการเกิดภาวะเรือนกระจก
ปัจจุบัน บริษัทยอดขายรอรับรู้(backlog) 160 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อในไตรมาสแรกเพิ่มเข้ามาอีก 210 ล้านบาท
ด้านความคืบหน้าโครงการก๊าซชีวภาพอัดคาดว่าจะออกแบบโรงงานแล้วเสร็จในปลายเดือน ม.ค.นี้ และจะได้ข้อสรุปการเจรจากับบมจ.ปตท.(PTT) ในเร็ว ๆ นี้ หลังจากนั้นจะมีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ก.พ. ส่วนแผนร่วมทุนโครงการก๊าซชีวภาพอัดแห่งที่ 2 ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 50-80 ล้านบาท กำลังการผลิตประมาณ 4 ตัน/วัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตจะมาจากวัตถุดิบที่เหลือจากกระบวกการแปรรูปทางการเกษตร
บริษัทยังมีแผนลงทุนสาธารณูปโภคทางด้านน้ำ มูลค่าประมาณ 120-130 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนก.พ.นี้ โดยลูกค้าหลักจะเป็นหน่วยงานทางภาครัฐ
“เรามีโครงการอยู่ตัวหนึ่ง เป็นระบบกรองน้ำสำหรับชุมชนและโรงงานขนาดใหญ่ ในมาบตาพุดก็มีแล้ว ก็มองเห็นว่าน่าจะต่อยอดจากตรงนี้ได้ ซึ่งการลงทุนสาธารณูปโภคด้านน้ำนี้ถือเป็นการลงทุนระยะยาว เราก็ลงทุนเอง ไม่มีพันธมิตร แหล่งเงินลงทุนก็น่าจะมาจากการกู้ด้วย ปัจจุบัน D/E เราก็ยังต่ำ สิ้นไตรมาส 4/53 อยู่ที่ 0.6 เท่า เราก้มีนโยบายที่จะพยายามรักษาไว้ไม่ให้เกิน 1 เท่า"นายกิตติ กล่าว
ด้านนายชัชพล ประสพโชค รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายการตลาดและปฏิบัติการ UAC กล่าวว่า บริษัทคาดหมายว่ารายได้ปี 55 มีโอกาสแตะ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะทำรายได้ประมาณ 850 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่ได้ลงทุนในปีนี้ คาดว่าสัดส่วนการรับรู้กำไรจากการลงทุนจะอยู่ที่ 60% ส่วนกำไรจากการขายจะอยู่ที่ 40%