MAJOR เตรียมร่วมทุนทำธุรกิจบันเทิงในต่างประเทศคาดได้ข้อสรุป ก.พ.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 25, 2011 12:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR)กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่ากงารเจรจาร่วมทุนเพื่อขยายธุรกิจด้านบันเทิงไปยังต่างประเทศกับบริษัทแห่งหนึ่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.พ.นี้ ประเมินว่าจะใช้เงินลงทุนในธุรกิจดังกล่าวไม่มากนัก

"ตอนนี้กำลังคุย ๆ กันอยู่ว่าจะลงทุนในต่างประเทศ แผนนี้ได้รับความสนใจจากคนไทยเพื่อขยายธุรกิจบันเทิง แต่การลงทุนนี้ใช้เงินไม่มาก"นายวิชา กล่าว

สำหรับงบลงทุนปีนี้ บริษัทตั้งวงเงินไว้ที่ 800-1,000 ล้านบาทที่จะใช้ทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ด้วย ขณะที่การลงทุนในอินเดียจะใช้เงินประมาณ 350 ล้านบาท

นอกจากนั้น บริษัทยังจะใช้เงินส่วนหนึ่งราว 100 ล้านบาทเพื่อทำการตลาดบัตร"M Generation"เพื่อเป็นบริการให้กับลูกค้าและเป็นการส่งเสริมการขาย เพื่อหวังจะเพิ่มความถี่ในการชมภาพยนตร์ ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งในการขยายฐานลูกค้า โดยตั้งเป้ามีลูกค้าบัตร 1 ล้านใบภายในปีนี้

นายวิชา กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทปรับเป้ารายได้เป็นเติบโต 15-20% จากเดิม 10-15% เนื่องจากภาพยนตร์ใหม่ที่เข้าฉายทำเงินได้ดี และยังมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่คาดว่าจะทำเงินค่อนข้างมากจะเข้าฉายอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะแค่เริ่มต้นเดือน ม.ค.ก็มีภาพยนตร์ทำเงินได้กว่า 100 ล้านบาท เช่น เรื่อง"สุดเขตสเลดเป็ด"ที่บริษัทลูกเป็นผู้ผลิต

ส่วนในเดือนมี.ค.-เม.ย.ภาพยนตร์เรื่อง"ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"ทั้ง 2 ภาคจะเข้าฉาย รวมทั้งภาพยนตร์จากฮอลลีวูด อย่าง แวมไพร์ ทไวไลท์ , แฮรี่ พ็อตเตอร์ และ ไพรเรท ออฟ เดอะ แคริเบียน ภาคใหม่เข้าฉาย

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 54 ภพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะเติบโต 20% มียอดจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ทั้งระบบประมาณ 30 ล้านใบ ซึ่ง MAJOR มีส่วนแบ่งราว 20 ล้านใบ โดยสัดส่วนรายได้จากภาพยนตร์เป็นรายได้หลักของบริษัทกว่า 70% รายได้จากพื้นที่เช่า 10% นิวมีเดีย 10% และโบว์ลิ่ง 10%

"ปีนี้จะเป็นปีที่เราจะเห็นการกลับมาดีอีกครั้งของธุรกิจ เชื่อว่าจะดีใกล้เคียงในระดับปี 2007 จากปี 2008 ที่เจอวิกฤติ ปี 2009 ผลประกอบการไม่ดี แต่ปีนี้เชื่อว่าจะกลับมาดีที่สุดและเติบโตที่สุดในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา"นายวิชา กล่าว

ประกอบกับ บริษัทจะมีการขยายโรงหนังเพิ่มขึ้นอีก 30 โรงในปีนี้ โดยจะพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการเปิดสาขาให้ครอบคลุมทุกจังหวัดและหัวเมืองใหญ่

บริษัทจะเปิดสาขาโรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่งราว 10 โลเคชั่น โดยจะมีการขยายไปสู่หัวเมืองขนาดเล็กที่มีศักยภาพมากขึ้น หลังจากที่บริษัทได้เปิดสาขาครอบคลุมหัวเมืองขนาดใหญ่ไปหมดแล้ว โดยในช่วง 2 เดือนข้างหน้าจะเปิดสาขาใหม่ที่เชียงราย ต่อจากนั้นเป็นมหาสารคาม และพิษณุโลก โดยอาจจะไปกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ อย่าง กลุ่มเซ็นทรัล โลตัส และบิ๊กซี

พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้เจรจากับทางบมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์(BIGC) เพื่อเปิดสาขาโรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่งในห้างคาร์ฟูร์ที่บริษัทยังไม่เคยดำเนินการมาก่อน เพราะพื้นที่ห้างคาร์ฟูร์เดิมไม่มีส่วนของเอ็นเตอร์เทนเม้นท์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ