บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) ตั้งเป้าปี 54 มียอดขายที่ดิน 1,200 ไร่ คิดเป็นการเติบโต 30% ในธุรกิจที่ดินอุตสาหกรรม จากปี 53 ที่ยอดขายที่ดินอยู่ที่ 930 ไร่ โดยพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจ เป็นผลจากอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของการส่งออก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอันดับ 13 โลก
ในปีนี้บริษัทยังเน้นการลงทุนใน 3 ธุรกิจ คือ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และ อสังหาริมทรัพย์ โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมตั้งเป้าเพิ่มสัญญาซื้อขายใหม่ 50 สัญญา โดย 50% มาจากลูกค้าเดิม ซึ่งได้อานิสงส์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีในกลุ่มอาเซียนที่คาดว่าจะดึงดูดนักลงทุนจากญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และอินเดีย เข้ามาเพิ่ม
ส่วนธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปคาดว่าจะมีการเช่าเพิ่มขึ้น 40% จากรูปแบบโรงงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับการขยายตัวในอนาคต และการเข้าถือหุ้น 100% ในเหมราช เอส ไอ แอล และ เหมราช อาร์ ไอ แอล จะส่งผลให้รายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมและการเช่าโรงงานเติบโตอย่างเด่นชัดขึ้น ส่วนธุรกิจบริหารด้านสาธารณูปโภค โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระของเก็คโค่-วัน จะเริ่มดำเนินการต้นปี 55
นอกจากนั้น บริษัทกำลังศึกษาเพื่อเตรียมเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในกรุงเทพและอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยบริษัทเตรียมเปิดโครงการริเวอร์วิลลา ในไตรมาส 4/54 เป็นทาวน์เฮ้าส์ระดับไฮเอนด์ จำนวน 25 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ กล่าวว่า รายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนที่มั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยแยกสัดส่วนเป็นรายได้จากนิคมอุตสาหกรรม 40% จากรายได้รวม รายได้จากบริการสาธารณูปโภค 30% ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ และบริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้จากบริการสาธารณูปโภคเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 55 รายได้รวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท
และในปี 54 บริษัทมีแผนจัดสรรเงินลงทุน จำนวน 7,000 ล้านบาท โดยเงินลงทุน 5,000 ล้านบาทมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ประกอบด้วยการลงทุนในโรงไฟฟ้า 2,000 ล้านบาท สร้างโรงงานสำเร็จรูป 600 ล้านบาท พัฒนานิคมอุตสาหกรรม 1,200 ล้านบาท ที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม 1,200 ล้านบาท ส่วนวงเงินลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท ได้จัดเตรียมเพื่อการลงทุนอื่นๆ
"เราวางแผนลงทุนเพิ่มท่อน้ำดิบเส้นที่ 3 มูลค่า 150 ล้านบาท ในนิคมอุตสาหกรรมตะวันออกด้วย" นายเดวิด นาร์โดน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในเดือน เม.ย.54 เพื่อขออนุมัติการออกหุ้นกู้ ในวงเงิน 2,000-4,000 ล้านบาท ให้เพียงพอต่อการลงทุนใน 3-4 ปี เพื่อระดมเงินด้วยต้นทุนที่ต่ำลงในช่วงนี้ หลังจากเมื่อ 5 ปีก่อนได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้ วงเงิน 6,000 ล้านบาทและได้ใช้เต็มวงเงินไปแล้วเมื่อปีก่อน
การออกหุ้นกู้ครั้งใหม่นี้จะไม่กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท โดยปัจจุบันระดับหนี้สินสุทธิต่อทุน(D/E)อยู่ระดับ 0.7 เท่า ซึ่งยังอยู่ระดับต่ำและบริษัทจะรักษาระดับ D/E นี้ต่อไปจนถึงปี 55 รอจนกว่าโครงการ เก็คโค่-วันจะเริ่มจ่ายเงินปันผลตั้งแต่กลางปี 55