ทริส คงเครดิตตราสารหนี้ใหม่ AP ที่ "BBB+"แนวโน้มเครดิต "Positive"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 25, 2011 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ชุดปัจจุบันของ บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) ที่ระดับ “BBB+" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาทที่ระดับ “BBB+" โดยคุณภาพอันดับเครดิตได้รวมมูลค่าของหุ้นกู้ที่จะเพิ่มขึ้นในวงเงินรวมกันไม่เกิน 1,350 ล้านบาทจากการจำหน่ายหุ้นกู้ 2 ระยะ ได้แก่ หุ้นกู้มูลค่า 850 ล้านบาทที่จำหน่ายไปก่อนหน้านี้แล้วในช่วงกลางเดือน ม.ค.54 และหุ้นกู้ชุดใหม่ดังกล่าว ขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Positive" หรือ “บวก" ด้วย

ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยที่ประสบความสำเร็จ ตลอดจนตราสินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมในเมือง รวมถึงความยืดหยุ่นในการบริหารงานซึ่งทำให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาโครงการให้เป็นไปตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมทั้งลักษณะของธุรกิจที่มีความผันผวน และการแข่งขันในการซื้อที่ดินที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive" หรือ “บวก" สะท้อนถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของบริษัทในตลาดคอนโดมิเนียมอันเนื่องมาจากความสำเร็จและสัดส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นของโครงการที่ผ่านมา และอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของผลประกอบการที่ดีเอาไว้ได้โดยที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ที่ระดับ 45%-50%

ทริสเรทติ้งรายงานว่า AP มีจุดแข็งด้านการตลาดเป็นผลมาจากการที่บริษัทเป็นผู้ริเริ่มและผู้นำในตลาดทาวน์เฮาส์ใจกลางเมือง (บ้านกลางกรุงและบ้านกลางเมือง) ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งทางธุรกิจสะท้อนถึงความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านตลาดทาวน์เฮ้าส์และรองลงมาคือคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะในย่านกลางเมือง บริษัทแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของพฤฒิกรรมผู้บริโภค โดยสินค้าของบริษัทเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ซื้ออายุน้อย นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเชี่ยวชาญในการเลือกทำเลที่ดีสำหรับพัฒนา

ณ สิ้นเดือน ก.ย.53 บริษัทมีมูลค่าโครงการคงเหลือพร้อมขายประมาณ 21,891 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าของคอนโดมิเนียม 40% ในขณะที่ทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวมีมูลค่าคิดเป็น 29% และ 31% ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยในโครงการทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท ยอดขายที่ยังไม่ได้รับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ในโครงการคอนโดมิเนียมอยู่ในระดับสูงที่ 20,216 ล้านบาท โดยโครงการคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ทั้งหมด (รวมยอดขายที่ยังไม่ได้รับรู้เป็นรายได้และมูลค่าโครงการคงเหลือ) น่าจะช่วยสร้างกระแสรายได้ให้แก่บริษัทในช่วงระหว่างปี 54-56 ที่ระดับปีละประมาณ 6,500-12,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะช่วยสร้างความแน่นอนของกระแสเงินสดในระยะปานกลางและใช้เป็นแหล่งเงินลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต

บริษัทมีรายได้เกิน 10,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในปี 52 เป็นรายได้สูงสุดอันดับ 4 ในกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับรายได้ดังกล่าวเอาไว้ได้ในระยะปานกลางจากการมียอดขายคอนโดมิเนียมที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้จำนวนมากและการมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดทาวน์เฮ้าส์ในเมือง บริษัทได้รับประโยชน์จากมาตรการด้านภาษีของภาครัฐโดยมีอัตราส่วนกำไรในระดับที่น่าพอใจและมั่นคง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ