นายนพร สุนทรกิจเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่าในปี 54 ตั้งเป้ายอดขายรวม (Booking) ที่ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปี 53 ที่มียอดขายรวม 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% จากปีก่อนหน้า
นอกจากนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล 16 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ มูลค่ารวม 41,820 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 14 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ จากปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 47 โครงการ เป็นในเขตกทม.และปริมณฑล 37 โครงการ และต่างจังหวัด 10 โครงการ
และในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนจัดซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ในเขตกทม.และปริมณฑล วงเงิน 6,000 ล้านบาท แต่การพิจารณาซื้อที่ดินจะพิจารณาจากทำเลที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ทันทีและมีศักยภาพที่ดี
นายนพร กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มีปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกระทบ คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางขาขึ้น โดยคาดว่าทั้งปีจะปรับขึ้นประมาณ 0.75% ซึ่งจะกระทบต้นทุนผู้ประกอบการ และอำนาจของผู้ซื้อ ส่วนปัจจัยด้านอัตราเงินเฟ้อก็มีทิศทางเร่งตัวขึ้น และราคาน้ำมันคาดว่าจะมีราคาเฉลี่ยที่ 90-95 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกทั้งการที่ต้นทุนเพิ่ม ส่งผลให้วัสดุและค่าแรงงานปรับเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษทจะมีการทบทวนปัจจัยด้านต้นทุนต่าง ๆ ว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายบ้านหรือไม่ โดยหากปรับขึ้นก็คงจะปรับในช่วง 3-5% ซึ่งจะต้องพิจารณาดีมานและซัพพลายประกอบไปด้วย โดยจะพิจารณาเป็น Segment แต่ขณะนี้ต้นทุนของบริษัทยังอยู่ใรดับที่พอรับได้
ด้านนายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ LH กล่าวว่า ในส่วนของการปรับราคาบ้านคงจะทยอยปรับ โดยจะทยอยปรับ 4-5% ขณะที่ต้นทุนค่าก่อสร้างตลาดรวมปรับขึ้น 5-7% เนื่องจากในส่วนของบริษัทได้เจรจากับซัพพลายเออร์ และซื้อวัสุดก่อสร้าง ล่วงหน้า รวมทั้งมีการล็อคราคาไว้แล้ว โดยบางส่วนซื้อสต๊อคมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อาทิ เหล็ก ทำให้ต้นทุนขึ้นน้อยกว่าตลาด
ในปี 54 บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin)ที่ 32.5% ขณะที่คาดว่ารายได้จะโต 30% สูงสุดในรอบ 5 ปีนับจากปี 50 ขณะที่ปี 53 คาดว่ากำไรจะสูงกว่าปี 52 เนื่องจากมีกำไรจากบริษัทลูกเข้าค่อนข้างมาก
สำหรับสัดส่วนรายได้ของธุรกิจหลักปีนี้จะมาจาก บ้านเดี่ยว 67% ทาวน์เฮ้าส์ 7% คอนโดมิเนียม 26% จากสัดส่วนปีที่แล้วอยู่ที่บ้านเดี่ยว 64% ทาวน์เฮ้าส์ 8% และคอนโดฯ 28%
"ปี 54 ราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาทจะโตเป็น 15% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 10% เนื่องจากออกโครงการที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เช่น อินนิชิโอ เดอะคีย์ ทำให้รายได้ต่ำกว่า 3 ล้านบาทสัดส่วนเพิ่มขึ้น" นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร กล่าวว่า สิ้นปี 53 บริษัทมี Backlog ประมาณ 3 พันกว่าล้านบาทส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดฯ โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้ในสิ้นปี 54 และ ปี 55 เช่น โครงการสาทร-ตากสิน โครงการเดอะรูม 62 และโครงการ โอกาส หัวหิน
"ปีนี้คาดว่าจะมีโปรเจคต์ออนแอร์ 65 โครงการ รวมของเก่าและใหม่ โดย 18 โครงการที่จะเปิดใหม่ปีนี้ แบ่งเป็นไตรมาสแรก 5 โครงการ ไตรมาส 2 จำนวน 8 โครงการ ไตรมาส 3 จำนวน 1 โครงการ และไตรมาส 4 จำนวน 4 โครงการ" นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อย่างน้อย 4,000 ล้านบาท โดยชุดแรกจำนวน 2,500 ล้านบาท ได้นำออกขายแล้วตั้งแต่ 20 ม.ค.54 และชุดถัดไปคาดว่าจะออกขายในช่วงไตรมาส 3/54 ทั้งนี้ ในปี 53 บริษัทมีการออกหุ้นกู้ทั้งหมด 3 ชุด วงเงินรวม 4,000 ล้านบาท
นอกจากธุรกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแล้ว บริษัทยังมีรายได้จาก 2 แหล่ง คือ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทย่อย ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 1 ใน 3 ของกำไรรวมทั้งหมด ขณะที่รายได้จากค่าเช่าเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ เป็นทรัพย์สินภายใต้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH ถือหุ้น 49%) และภายใต้บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์พร็อพเพอร์ตี้ (LH ถือหุ้น 60%) ซึ่งปีที่ผ่านมาทำรายได้รวม 690 ล้านบาท คาดว่าปี 54 จะมีรายได้ในส่วนนี้เติบโต 60% เป็นรายได้รวม 1,100 ล้านบาท และในปีถัดไปจะเติบโตอีก 50-60% หลังจากโครงการเทอร์มินัล 21 เปิดดำเนินการเต็มปี
นายอดิศร กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทมีแผนจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1 กองเพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป โดยอยู่ระหว่างพิจารณานำสินทรัพย์ที่มีอัตราการเข้าพักสูง สำหรับเงินที่ได้จากการกองทุนจะนำไปใช้ในการขยายโครงการใหม่ เช่น โครงการที่สุขุมวิท 21 ที่จะสร้างในปีนี้
และ บริษัทมีแผนจะนำบมจ.แอลเอชไฟแนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ LH Bank เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นในไตรมาส 2/54 โดย LH ถือหุ้น 40%