BLS คาดกำไรปี 54 แนวโน้มดีต่อเนื่องจากปี 53 ตามภาวะตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 26, 2011 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า กำไรในปี 53 น่าจะออกมาดีขึ้นจากปี 52 หลังจาก 9 เดือนแรกของปี 53 กำไรก็ดีกว่าที่บริษัทฯตั้งไว้ โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีบัญชีลูกค้าใหม่เติบโต 20% จากปี 52 มี 30,000 กว่าบัญชี

ส่วนผลประกอบการในปี 54 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 53 เป็นไปตามภาวะตลาดที่มองว่าช่วงครึ่งแรกปีนี้จะมีความผันผวน และวอลุ่มเทรดยังน่าจะอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท

นอกจากนี้ ในปี 54 บริษัทยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ชื่อ บัวหลวง I channel ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ iPhone ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้า BLS สามารถดาวน์โหลดใช้บริการได้ฟรี โดยจะมีการนำเสนอบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ รวมถึงข่าวสารข้อมูล และมีคลิปวิดีโอการให้ข้อมูลของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการเปิดตัวในเดือนก.พ.นี้

ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย BLS กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งแรกปีนี้ จะยังมีความผันผวน โดยมองว่าเกิดจากการขายของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับสูงขึ้นมามากแล้ว ทำให้นักลงทุนต่างชาติมองจังหวะในการขายทำกำไร

นอกจากนี้ ยังมองว่าหุ้นที่ยังสามารถลงทุนในปี 54 มี 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มพลังงาน ได้แก่ หุ้น TOP รับผลบวกจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และ PTTEP แต่ต้องรอเคลียร์เรื่องมอนทาร่าให้จบก่อน, กลุ่มที่สอง เป็น กลุ่มปิโตรเคมี แนะหุ้น IVL, PTTCH, PTTAR ควรจะเข้าซื้อในช่วงไตรมาส 2/54 หลังประกาศงบการเงินเรียบร้อยแล้ว

ส่วนกลุ่มสุดท้าย เป็นกลุ่มแบงก์ เนื่องจากในปี 54 จะมีการลงทุนจากภาครัฐฯและเอกชนมากขึ้น ซึ่งกลุ่มแบงก์จะได้รับผลบวกตรงนี้ โดยเฉพาะแบงก์ที่มีการปล่อยสินเชื่อ Corporate

สำหรับสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในปี 54 เป็นการลงทุนในน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับเพิ่มในระดับสูงในปีนี้ โดยมีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะขยับตัวขึ้นสูงทดสอบระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล มองจังหวะเข้าซื้ออยู่ที่ 84 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้น ช่วงนี้สามารถเข้ามาลงทุนในระดับดัชนีฯที่ลงมาต่ำกว่าระดับ 950 จุด และการลงทุนในทองคำ ซึ่งราคาทองคำเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีโอกาสที่จะทะลุ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ จังหวะซื้อควรจะให้ผ่านช่วงเทศกาลตรุษจีนไปก่อน ที่ระดับต่ำกว่า 1,320 ดอลลาร์/ออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ