ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 8.25 จุด ขานรับ"โอบามา"หนุนลดภาษีนิติบุคคล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 27, 2011 06:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) ขานรับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ที่เสนอให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน ในระหว่างการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) เมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 12,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่งในระหว่างวัน แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประเมินในที่ประชุมครั้งล่าสุดว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวไม่มากพอที่จะทำให้ตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้นด้วยก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 8.25 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 11,985.44 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 5.45 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 1,296.63 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่ง 20.25 จุด หรือ 0.74% แตะที่ 2,739.50 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโอบามาเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีเพื่อสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน ขณะเดียวกันโอบามาได้เสนอให้มีการตรึงงบประมาณรายจ่ายภายในประเทศเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดยอดขาดดุลงบประมาณลงได้ถึง 4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า แต่การระงับการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงโครงการสวัสดิการขนาดใหญ่ เช่น โครงการสวัสดิการสังคมและประกันสุขภาพผู้สูงอายุ (เมดิแคร์) และไม่รวมถึงงบใช้จ่ายทางการทหารและความมั่นคงของประเทศ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ปี 2553 พุ่งขึ้น 17.5% แตะที่ 329,000 ยูนิตต่อปี ขณะที่ราคากลางของบ้านใหม่ที่เสนอขายในเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 241,500 ดอลลาร์ จากระดับ 215,500 ดอลลาร์ของเดือนพ.ย.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นแตะแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 12,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่งในระหว่างวัน แม้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมครั้งล่าสุดว่า "เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่อยู่ในอัตราที่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย" โดยในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25% และยังเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 เพื่อเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันจากรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงโบอิ้ง โค และซีร็อกซ์ คอร์ป โดยหุ้นโบอิ้งปิดร่วงลง 3% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการในปี 2554 อาจจะได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 และต้นทุนการชดเชยความเสียหายอันเนื่องมาจากความล่าช้าในการส่งมอบ

ขณะที่หุ้นซีร็อกซ์ปิดร่วง 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า กำไรรายไตรมาสของบริษัทยังไม่กระเตื้องขึ้น หุ้นอีสต์แมน โกดัก ปิดดิ่งลง 18% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 4 ร่วงลงรุนแรงถึง 95% อันเนื่องมาจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจกล้องถ่ายรูป

หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ปิดบวกขานรับประกอบการไตรมาส 4 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 54% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2553 ครั้งที่ 1, กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 4 ปี 2553 และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ