ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับธนาคารกลางสหรัฐที่ยังคงพยายามใช้นโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งยอดขายบ้านใหม่สหรัฐที่ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,410.29 จุด เพิ่มขึ้น 8.39 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,771.12 จุด ลดลง 72.12 จุด ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนอ่อนตัวลง 0.66% แตะ 2,690.82 จุด สำหรับดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 2,093.59 จุด ลดลง 16.87 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,105.79 จุด เพิ่มขึ้น 50.20 จุด ส่วนดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,526.48 จุด บวก 6.48 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,811.30 จุด เพิ่มขึ้น 3.50 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,218.55 จุด ลดลง 2.23 จุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.4% แตะ 138.77 จุด เมื่อเวลา 9.25 น. ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นแคนนอน บวก 1% ในตลาดหุ้นโตเกียว ส่วนหุ้นแอลจี อิเลคทรอนิคส์ บวก 0.4% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ส่วนหุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป บวก 1% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย หลังจากที่ราคาโลหะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ พุ่ง 3.4% ในตลาดหุ้นโตเกียว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยหนุนจากเรื่องแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวสูงขึ้น
แถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายในภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น แต่ภาคธุรกิจยังคงลังเลที่จะจ้างงานเพิ่ม ส่วนภาคครัวเรือนยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราว่างงานที่สูงขึ้น เฟดมองว่าอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศยังคงทรงตัว แม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดนี้ ทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0 - 0.25% และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และรับมือกับอัตราว่างงานที่ยังสูงมาก
นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรในวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 ตามแผนการที่วางไว้ โดยเฟดจะทบทวนจังหวะเวลาในการเข้าซื้อพันธบัตรและขนาดของโครงการซื้อพันธบัตรเป็นระยะๆ โดยจะพิจารณาบนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้รับ และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น เพื่อเป้าหมายที่จะหนุนตัวเลขการจ้างงานให้สูงขึ้นและทำให้ราคามีเสถียรภาพมากขึ้น
"คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะยังคงจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจและความคืบหน้าในภาคการเงินต่อไปอย่างใกล้ชิด และจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายที่จำเป็นเพื่อสนันสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับเป้าหมายของเฟด" แถลงการณ์ของเฟดระบุ สำนักข่าวซินหัวรายงาน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.ปี 2553 พุ่งขึ้น 17.5% แตะที่ 329,000 ยูนิตต่อปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ 300,000 ยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ
รายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ราคากลางของบ้านใหม่ที่เสนอขายในเดือนธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 241,500 ดอลลาร์ จากระดับ 215,500 ของเดือนพ.ย.