ที่ประชุมเจ้าหนี้ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น(PICNI) ในวันนี้มีมติ 76.56% เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการตามที่บริษัทเสนอให้มีผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เข้ามา โดยกลุ่มผู้ลงทุนใหม่ได้เสนอแก้ไขแผนฟื้นฟูฯ ด้วยการเพิ่มทุนเข้าไปเป็น 1,700 ล้านบาท จากเดิม 1,600 ล้านบาท มีการลดทุนและแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งทำให้เจ้าหนี้ได้รับคืนหนี้ประมาณ 20% ทั้งนี้ มูลหนี้ของ PICNI อยู่ที่ประมาณ 7.4 พันล้านบาท
การประชุมเจ้าหนี้ PICNI ในวันนี้มีตัวแทนเจ้าหนี้ 96 รายเข้าร่วมประชุม ขณะที่มีเจ้าหนี้ที่มีสิทธิออกเสียง 68 ราย โดยเจ้าหนี้รายใหญ่คือ ธนาคารกรุงไทย(KTB)ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมโหวตเลือกผู้บริหารแผนและรับรองแผนฟื้นฟูกิจการตามที่นำเสนอโดยลูกหนี้ ซึ่งทาง KTB ออกเสียงเห็นชอบกับข้อเสนอของ PICNI
นายนำพล เงินนำโชค กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ PICNI ในฐานะตัวแทนบริษัท ร่วมกับผู้บริหารแผนและผู้ลงทุนรายใหม่ กล่าวว่า การบริหารแผนฟื้นฟูฯ PICNI จะใช้เวลาประมาณ 150 วันตามขั้นตอนที่ได้เสนอต่อเจ้าหนี้ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญคือ ลดทุนจดทะเบียน, ลดหนี้ และ นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นและส่วนเกินราคาค่าก๊าซพิเศษมาหักขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 1 หมื่นล้านบาท
บริษัทเชื่อมั่นว่าหากทำตามกระบวนการที่เสนอตามแผนจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งจำนวน และบริษัทจะไม่มีหนี้ รวมทั้งกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กำหนดว่า PICNI ซึ่งอยู่ในกลุ่ม NPG จะต้องมีผลกำไรไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทภายในปี 1 และมีส่วนผู้ถือหุ้นเกิน 300 ล้านบาท โดยคาดว่าบริษัทจะต้องใช้เวลาประมาณ 15 เดือนกว่าจะกลับเข้าเทรดได้
"ตอนนี้ PICNI ก็ไม่ได้หยุดการดำเนินธุรกิจ ยังคงเป็นผู้ค้าแก๊สเหลวในตลาด มีมาร์เก็ตแชร์ 4-5% หลังจากเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูและมีผู้ลงทุนใหม่เข้ามา จะทำให้บริษัทเดินหน้าธุรกิจได้ และมีมาร์เก็ตแชร์กลับมาอยู่ในระดับเกินกว่า 10% และหวังว่าจะเทรดได้ เพื่อทำให้หุ้นมีมูลค่าสูงขึ้น เพราะมีนักลงทุนรายย่อยเกือบ 1 หมื่นรายที่ถือหุ้นเราอยู่แต่ไม่สามารถซื้อขายได้"นายนำพล กล่าว
สำหรับการฟ้องร้องกับทางเวิลด์แก๊ส ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ PICNI ถือหุ้นอยู่ 99.95% กรณีที่ทางเวิลด์แก๊สไม่ยินยอมคืนคลังก๊าซทั้ง 2 แห่งที่ลำปางและสมุทรสงคราม แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งแล้ว นายนำพล กล่าวว่า บริษัทจะพยายามดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ควบคู่ไปกับการดำเนินการตามกฎหมาย แต่บริษัทยืนยันว่าคลังก๊าซดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ของบริษัท
รวมถึงการโอนหุ้นและการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่ในเวิลด์แก๊สไปให้กลุ่มอื่นโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ก็ยังเป็นเรื่องที่บริษัทยังดำเนินการตามกฎหมายอยู่เช่นกัน
นายนำพล กล่าวว่า การเข้ามาเป็นกลุ่มลงทุนใหม่ของนายพิมล ศรีวิกรม์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นนอมินีกลุ่มใด แต่นายพิมลเป็นนักลงทุนที่ลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว และต้องการแสวงหาช่องทางลงทุนที่สร้างโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งบริษัทก็เห็นว่ามีเจตนาที่ดีจึงได้มีความร่วมมือกันในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้นำเสนอต่อเจ้าหนี้ในวันนี้
ส่วนเงินลงทุนที่นายพิมลจะต้องใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามา 1,700 ล้านบาทนั้น นายนำพล กล่าวว่า ไม่ทราบที่มาของเงินดังกล่าวว่าจะมาจากไหน เนื่องจากไม่ได้ถามนายพิมล
รายงานข่าว เปิดเผยว่า ในช่วงแรกของการประชุมเจ้าหนี้นั้น ทางเวิลด์แก๊สได้ส่งตัวแทนเข้ามาเสนอต่อที่ประชุมให้เลื่อนวาระการพิจารณาแผนฟื้นฟูฯ PICNI ออกไปจากวันนี้ เนื่องจากมีกลุ่มทุนอื่นที่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน แต่ทางเจ้าหนี้เห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่เคยแจ้งมาให้ทราบล่วงหน้าก่อน อีกทั้งไม่มีรูปแบบแผนที่ชัดเจน จึงไม่เห็นด้วยที่จะให้เลื่อนการพิจารณาออกไป จากนั้นตัวแทนเวิลด์แก๊สจึงได้ออกจากที่ประชุมไป
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายทนงศักดิ์ ศรีทองคำ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เวิลด์แก๊ส ระบุว่าได้หาผู้ร่วมลงทุนใหม่ได้แล้วคือกลุ่มสามารถ คอร์ปอเรชั่น(SAMART)เสนอวงเงินลงทุนใหม่ 1,800 ล้านบาท แปลงหนี้เป็นทุนอีก 100 ล้านบาท โดยทางเจ้าหนี้จะได้รับเงินคืน 23% ซึ่งทางเจ้าหนี้บางรายในกลุ่มของธนาคารกรุงไทยรับข้อเสนอแล้ว