SAMART หวังปีนี้กำไรพุ่ง 60%หลังได้งาน 3G รับรู้รายได้ปีแรก 6 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 28, 2011 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น(SAMART) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 54 กำไรสุทธิน่าจะเติบโตเกินกว่า 60% หากได้รับอนุมัติให้เป็นผู้ชนะประมูลงานวางโครงข่าย 3G ของ บมจ.ทีโอที ที่กลุ่มร่วมทุนของบริษัทเสนอราคาต่ำสุดที่ 16,290 ล้านบาท

"ราคานี้หากทางทีโอทีจะมีการเจรจาเพื่อขอส่วนลดอีก ทางกลุ่มก็พร้อมจะพิจารณา แต่การเสนอราคาดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีความเหมาะสม และมีอัตรากำไรที่กลุ่มยอมรับได้"นายวัฒน์ชัย กล่าว

อนึ่ง กลุ่มเอสแอล คอนเซอเตียม ประกอบด้วย บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART), บมจ.ล็อกซเล่ย์(LOXLEY), บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท โนเกีย-ซีเมนส์ จำกัด

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยิ่งมั่นใจจะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 60% จากปีก่อน โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการกล่าวประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท จากสัดส่วนการถือหุ้น 65% โดยจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ส่วน LOXLEY ถือหุ้นในสัดส่วน 35% ก็จะรับรู้รายได้ตามที่ถืออยู่ ขณะที่ผู้ถือหุ้นอย่าง หัวเหว่ยและโนเกียจะเป็นซัพพลายเออร์ด้านอุปกรณ์

ขณะนี้ได้มีการติดต่อโปรเจ็คต์ไฟแนนซ์จากธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่งรองรับไว้แล้ว คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) งบลงทุนส่วนใหญ่ในโครงการจะใช้เพื่อการพัฒนาสถานีฐาน 1.5 หมื่นสถานีฐานที่จะต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 365 วัน ซึ่งทางกลุ่มคงต้องเริ่มงานทันทีหลังจากเซ็นสัญญา เพราะถือว่าเป็นจำนวนสถานีฐานค่อนข้างมาก และระยะเวลาค่อนข้างสั้น คาดว่าจะเปิดให้บริการ 3G ได้ตั้งแต่ เม.ย.54

"เวลา 365 วันทำ 1.5 หมื่นสถานีถือว่าค่อนข้างบีบ ต้องทำวันละ 10 กว่าสถานี แต่ยืนยันว่ามีความพร้อม เพราะเรามีคอนซัลเตียมที่แข็งแกร่งด้านอุปกรณ์และมีประสบการณ์อยู่แล้ว"นายวัฒน์ชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม งบลงทุนที่บริษัทเตรียมไว้ 1-2 พันล้านบาทเพื่อซื้อกิจการอื่น ยังคงเป็นไปตามเดิม และยังศึกษาการซื้อกิจการใหม่เข้ามาเพิ่มเติม แม้ว่าจะได้งาน 3G ของทีโอทีแล้วก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ