ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปร่วง เหตุวิตกสถานการณ์รุนแรงในอียิปต์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงถ้วนหน้าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงที่รุนแรงในประเทศอียิปต์ และรายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ของอังกฤษที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษปิดร่วง 83.71 จุด หรือ 1.4% แตะที่ 5,881.37 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดร่วง 52.78 จุด หรือ 0.74% แตะที่ 7,102.80 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดร่วง 57.25 จุด หรือ 1.41% แตะที่ 4,002.32 จุด

ดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรป ปรับตัวลดลง 10.95 จุด หรือ 0.95% ปิดที่ 1,143.63 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.2554

ส่วนดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวสลง 0.3% แตะที่ 280.45 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างตื่นตระหนกเมื่อวันศุกร์ หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงนับแสนคนในอียิปต์ได้พากันออกมารวมตัวกันตามท้องถนนสายต่างๆในกรุงไคไรและเมืองใหญ่อื่นๆทั่วประเทศ เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัค ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องออกคำสั่งให้กองกำลังทหารเข้าควบคุมสถานการณ์และสลายการชุมนุมโดยใช้ความรุนแรง จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันและทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศทบทวนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอียิปต์ โดยได้ปรับแนวโน้มความน่าเชื่อถือลงสู่ร่ะดับ "เป็นลบ" หลังจากเหตุการณ์ประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีมูบารัค ได้บานปลายกลายเป็นการจลาจลนองเลือด ทั้งนี้ แม้ฟิทช์มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคของอียิปต์อาจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเหตุการณ์ประท้วง แต่อียิปต์ยังคงเผชิญกับปัญหามากมาย รวมถึงอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงมาก และราคาอาหารที่พุ่งขึ้นกว่า 17% ต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชาชนส่วนใหญ่

หุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่อันดับสองของอังกฤษ ปิดร่วง 7% หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยว่าจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2553 หดตัวลง 0.5% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2552

หุ้นรอยัล ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ เอ็นวี ปิดร่วง 6.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 มูลค่า 463 ล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 513 ล้านยูโร