นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ในปี 54 ธนาคารกำหนดเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อกว่า 20% จากปี 53 ทั่มีอัตราสินเชื่อเติบโต 9.1% โดยสิ้นปี 53 มีสินเชื่อคงค้าง 9.38 หมื่นล้านบาท เน้นการเติบโตสินเชื่อธุรกิจรายกลางและรายเล็ก (SME) ที่คาดว่าจะเติบโต 40% , สินเชื่อบ้าน
ขณะเดียวกัน ธนาคารคงนโยบายบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด โดยจะควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์ให้สัดส่วนหนี้สินไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่ำกว่า 4% จากปีที่แล้ว NPL อยู่ที่ 3.1%
สำหรับ อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) ในปี 54 เพิ่มเป็น 3.7-4.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.1%
ธนาคารยังได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 15% ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า 30% อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู่ถือหุ้น (ROE)ไม่น้อยกว่า 8%
"CIMB Group มองตลาดหลักคืออาเซียน เขามาลงทุนไทยเพราะอยากสร้างฐานลูกค้าในไทย คิดว่าจะสร้าง ROE อยู่ที่ 15-16% ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า การทำกำไรให้กับกลุ่ม จะเพิ่มเป็น 10-15% ...เราจะใช้ theme องค์กรอาเซียน ขยายลูกค้าในเชิงกว้างและเชิงลึก "นายสุภัค กล่าว
นายสุภัค กล่าวว่า ในปี 54 ธนาคารจะเน้นเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB)โดยคาดว่าปีนี้จะโตได้ 2-3 เท่า จากปี 53 ทำรายได้ 3 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ คิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของกำไรสุทธิธนาคาร และวางเป้าหมายมีสัดส่วนกำไรเพิ่มเป็น 10-15% ภายใน 2 ปี
โดยปีนี้ธนาคารมีดีลนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET) หรือหุ้น IPO 3 ราย ซึ่งได้เซ็นสัญญาแล้ว มีมูลค่าระดมทุนรายละ 4-5 พันล้าบาท คาดว่าจะเข้าตลาดได้ 2 รายภายในครึ่งปีแรก และอีกรายในครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ ยังมีดีลหุ้น IPO ที่อยู่ระหว่างเจรจากว่า 10 ดีล รวมมูลค่าระดมทุนประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท และมีดีลบริษัทไทยไปจดทะเบียนตลาดหุ้นสิงคโปร์(Dual listing) อีก 1-2 ราย โดยที่ผ่านมาบริษัทเป็นที่ปรึกษาให้กับบมจ.ศรีตรัง แอรโกรดัสตรี (STA) ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์
นอกจากนี้ยังมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ อีก 1 กอง ซึ่งเป็นโรงแรม 3 แห่ง มูลค่าราว 500-600 ล้านบาท รวมทั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้เอกชน โดยปีนี้จะเน้นจำนวนงานมากขึ้น และขนาดกลาง หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากในปี 53 ธนาคารมีปริมาณการเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ใหญ่เป็นอันดับ 3 และในแง่มูลค่า ใหญ่เป็นอันดับ 5
"CIMB Group มีจุดกำเนิดจากการเติบโตด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ เราชัดเจนว่าเราเป็นธนาคารวาณิชธนกิจ ...จุดอ่อนของเรา มีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่ำ ถ้ารายได้ส่วนนี้มากก็จะลดค่าใช้จ่าย" นายสุภัค กล่าว
นายสุภัค คาดว่า CIMB Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ สัญชาติมาเลเซีย จะเข้าตลาดหุ้นไทยได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไขประเด็นภาษีกับทางการไทยอยู่
ส่วนความร่วมมือกับ CIMB Group ในปีนี้จะมีการออกบัตรเครดิตในไทย ที่จะระบบบัตรเครดิตเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซีย กำหนดเปิดตัวภายในไตรมาส 3/54 และในไตรมาส 2/54 จะเปิดตัวธุรกิจธนบดีระดับภูมิภาค (Regional Private Banking) ที่มีระบบ Odyssey เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการ และให้คำปรึกษาการลงทุน
ปัจจุบัน CIMB Group เป็นกลุ่มการเงินที่มีมูลค่าตลาดรวมเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคอาเซียน หรือเท่ากับ 1.98 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีธุรกิจธนาคารอยู่ในมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย โดยเข้าถือหุ้นในธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย 93.15% ในปี 52