ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับผลประกอบการที่สูงขึ้นในสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันและโลหะที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นบริษัทสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐที่สูงขึ้น
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,281.55 จุด เพิ่มขึ้น 43.63 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,451.62 จุด เพิ่มขึ้น 4.28 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น 0.16% แตะระดับ 2,795.07 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 2,079.92 จุด เพิ่มขึ้น 10.19 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,188.93 จุด เพิ่มขึ้น 9.21 จุด
ตลาดหุ้นมาเลเซียและตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ (1 ก.พ.) เนื่องในวันหยุด
ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.2% แตะ 136.87 จุด เมื่อเวลา 9.06 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ พุ่ง 2.2% หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร ส่วนหุ้นฮิตาชิ บวก 1.8% ในตลาดหุ้นโตเกียว ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บวก 0.8% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในอียิปต์และผลกระทบที่คาดว่าจะมีต่อการลำเลียงน้ำมันที่คลองสุเอซ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 2.85 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 92.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการเอกชนก็ออกมาดี
สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมกิจกรรมภาคการผลิตในเมืองชิคาโกปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี นอกจากนี้ ทางการสหรัฐรายงานว่า ดัชนีการจ้างานในเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 75.7 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2526
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนธ.ค.ปี 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 เนื่องจากภาคครัวเรือนของสหรัฐลดการออมและนำเงินออกมาจับจ่ายมากขึ้น
ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 4 ปี 2552 เพิ่มขึ้น 4.4% ทำสถิติขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 4 ปี