นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในฐานะ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนรวมวายุภักษ์ และประธานกรรมการในคณะกรรมการลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เปิดเผยว่ากองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 6.50% หรือเท่ากับ 0.65 บาท/หน่วย สำหรับนักลงทุนประเภท ก (นักลงทุนทั่วไป) และนักลงทุนประเภท ข (กระทรวงการคลัง) ในอัตรา 5.167% หรือเท่ากับ 0.5167 บาท/หน่วย จากผลการดำเนินงานในปี 53 ซึ่งจะทำการจ่ายสำหรับงวดครึ่งปีหลังสำหรับนักลงทุนประเภท ก ในอัตรา 3.50% หรือ 0.35 บาท/หน่วย และสำหรับนักลงทุนประเภท ข ในอัตรา 5.167% หรือเท่ากับ 0.5167 บาท/หน่วย
โดยที่ประชุมคณะกรรมการการลงทุนมีมติเมื่อวันที่ 28 ม.ค.54 อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับรอบผลการดำเนินงาน 1 ม.ค.-31 ธ.ค.53 ในอัตรา 6.50% สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก หรือนักลงทุนทั่วไป โดยพิจารณาจากรายได้จากการลงทุนสุทธิ รวมกับกำไรที่เกิดขึ้นจริง สำหรับปี 53 เท่ากับ 9,409.58 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปี 52 ที่ 4,912.95 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เท่ากับ 10,674.18 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปี 52 ที่ 12,622.03 ล้านบาท และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิจากการดำเนินงานในปี553 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 52 เท่ากับ 20,083.76 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนได้จ่ายเงินปันผลสำหรับรอบผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกสำหรับนักลงทุนประเภท ก ไปแล้วในอัตรา 3%หรือเท่ากับ 0.30 บาท/หน่วย ดังนั้นจึงคงเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังสำหรับนักลงทุนประเภท ก อีก 3.50% หรือเท่ากับ 0.35 บาทต่อหน่วย และเงินปันผลจ่ายสำหรับนักลงทุนประเภท ข 5.167% หรือเท่ากับ 0.5167 บาท/หน่วย
เมื่อพิจารณากำไรสุทธิและกระแสเงินสดของกองทุนรวมถึงผลตอบแทนของตลาดตราสารหนี้ ทำให้กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูงกว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี ที่ 3.09% โดยตลาดหลักทรัพย์จะประกาศวันงดจ่ายเงินปันผล (XD) ในวันที่ 9 ก.พ.54 และศูนย์รับฝากหลักทรัพย์จะทำการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 14 ก.พ.54 และผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลในวันที่ 2 มี.ค.54
กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มีขนาดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ 31 ธ.ค.53 เท่ากับ 162,440.27 ล้านบาท และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุนของนักลงทุนประเภท ก (นักลงทุนทั่วไป) เท่ากับ 10.8960 บาท กองทุนเป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่นซึ่งมีนโยบายการลงทุน ทั้งใน ตราสารแห่งทุนและตราสารแห่งหนี้ โดยปัจจุบันลงทุนในตราสารแห่งทุนประมาณ 85% และตราสารแห่งหนี้ประมาณ 15%