บมจ.สมิติเวช (SVH) เผยในปี 54 ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 10% จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 6 พันล้านบาท จากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น โดยปีนี้สัดส่วนรายได้ยังคงมาจากผู้ป่วยในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40%
ขณะเดียวกันบริษัทเล็งเข้าไปรับจ้างบริหารโรงพยาบาลในกลุ่มประเทศอินโดจีน เช่นเวียดนาม เพราะเป็นประเทศกำลังพัฒนายังไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มากนัก ขณะที่การบริหารโรงพยาบาลที่เนปาลและพม่า คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1% แต่ภายใน 3-5 ปีข้างหน้าตั้งเป้ารายได้ส่วนนี้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10-20%
นายเรมอนด์ เร ฌอง กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVH กล่าวว่า ปี 54 เศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกต้องติดตาม เช่น ยุโรป สหรัฐว่าจะกระทบอย่างไรบ้าง สำหรับสัดส่วนรายได้ปีนี้ยังคงเป็นลูกค้าต่างประเทศ 40% ในประเทศ 60% เหมือนปี 53
ต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นและแถบอินโดจีน พม่า ลาว เวียดนาม จีน ซึ่งในปีนี้คาดว่ารายได้จากอินโดจีนน่าจะเติบโตดี ขณะเดียวกันตลาดในประเทศก็ยังมีการเติบโตที่ดี เพราะจะมีการออกโปรดักส์ใหม่ในไทยเพิ่ม และในปีนี้มีการเปิดตัว " my health profile" ครั้งแรกในไทย หนุนการเติบโตธุรกิจบริการด้านสุขภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการบริการให้ลูกค้าชาวต่างชาติรองรับการเติบโตของการท่องเทียวเชิงสุขภาพและการแพทย์ เนื่องจากผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องมาที่ร.พ. แต่สามารถล็อกอินจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไหนในโลกก็ได้ เพื่อเชื่อมต่อเข้ามาที่ระบบของสมิติเวช และเรียกดูข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองได้ในไม่กี่วินาที โดยตั้งงบลงทุนด้านไอทีระยะ 5 ปี (2009-2014) ไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยในช่วงเมื่อ 2 ปีก่อนใช้ไปแล้ว 30 ล้านบาท ส่วนในปี 54 นี้คาดว่าจะใช้ 1.5% ของรายได้รวม ส่วนงบลงทุนด้านอื่นๆ เช่นอุปกรณ์การแพทย์ใหม่ๆ ตั้งไว้ 4.5-5% ของรายได้รวม ในปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลได้รับจ้างบริหารโรงพยาบาลในประเทศเนปาล และพม่า ซึ่งเป็นธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่ง แต่รายได้คงจะยังไม่มากเพราะร.พ.ที่พม่าเป็นโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง ที่เนปาลขนาด 250 เตียง ดังนั้นในปีนี้คาดว่ารายได้จากการรับจ้างบริหารส่วนนี้ไม่น่าจะถึง 1% ของรายได้รวม แต่ใน 3-5 ปีข้างหน้าตั้งเป้ารายได้โตประมาณ 10-20% ของรายได้รวม
และนอกจากที่เนปาลและพม่าแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายแห่งในแถบอินโดจีน เช่น เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย เพราะประเทศเหล่านี้ยังไม่มีประสบการณ์มาก ก็เป็นโอกาสใหม่ในการที่เราจะเข้าไปรับจ้างบริหาร
"ถ้ามีโอกาสเซอร์วิสก็อยากไปต่างประเทศ เพราะตลาดในประเทศ 60 กว่าล้านคน เทียบร.พ.เอกชนทั้งหมดก็ค่อนข้างเล็ก ต้องหาตลาดใหม่" นายเรมอนด์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 53 คาดว่ารายได้จะจบที่ 6,000 ล้านบาท เติบโต 10% ถือว่าเติบโตค่อนข้างดี ไม่มีการปรับเพิ่มราคา ถึงแม้ช่วงไตรมาส 2 มีเรื่องการเมือง แต่กลุ่มของเราที่ดีที่สุดคือ สมิติเวช ศรีนครินทร์ ปี 53 โต 20% โดยเฉพาะลูกค้าเด็กจากอาหรับโตดีมาก
ปัจจุบัน บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) ถือหุ้นใหญ่กว่า 90% และยังไม่มีนโยบายจะนำหุ้น SVH ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับการถือหุ้น