นายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำประปาไทย (TTW) คาดว่ากำไรสุทธิในปี 54 จะเติบโตตัวเลข 2 หลัก จากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 2.06 พันล้านบาท แม้ว่ารายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 7% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.4 พันล้านบาท หรือเติบโตกว่า 10% เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงจาการทยอยคืนเงินต้นปีก่อนราว 450-500 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีเงินกู้เหลือ 4.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 54 จะเห็นความชัดเจนในการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหรือพลังงาน โดยการขยายธุรกิจของบริษัทฯ จะพิจารณาธุรกิจที่เข้ากันได้และส่งเสริมธุรกิจที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มสัดส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำประปาจากปัจจุบัน 5% เป็น 35% ของรายได้ของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นด้านธุรกิจบริหารจัดการน้ำเสีย และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
นายสมโพธิ กล่าวว่า การลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกของบริษัท น่าจะได้เห็นอย่างเร็วที่สุดภายในครึ่งปีแรกนี้ หลังจากได้มีการเสนอแผนการลงทุนต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไปแล้วเมื่อช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทก็ได้มีการศึกษาอยู่หลายโครงการทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ
"จากการเก็บข้อมูลเห็นว่าเราช้าไม่ได้ จากเดิมที่คิดว่าปี 54 จะเป็นปีเก็บข้อมูล ก็จะลงุทน อย่างเร็วก็จะเห็นครึ่งปีแรก แต่เห็นโครงการเกิดแน่ๆในครึ่งปีหลัง"นายสมโพธิ กล่าว
ขณะที่การเข้าร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ในลาว บริษัทยืนยันมีความสนใจในการเข้าร่วมลงทุน แต่เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ คงต้องใช้เวลาในการศึกษา และเจรจา
ด้านเงินลงทุนในการดำเนินกิจการบริษัทก็มองไว้หลายอย่าง ทั้งการกู้เงินจากสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีวงเงินหุ้นกู้เหลืออยู่อีก 3.1 พันล้านบาท หลังจากได้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 7 พันล้านบาท และยังมีวงเงินกู้เหลืออีก 4,500 ล้านบาท ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ไม่ถึง 1.3 เท่า และมีกระแสเงินสด ณ สิ้นปี 53 อยู่ที่ 3 พันล้านบาท
"ปัจจุบัน D/E เราไม่ถึง 1.3 เท่า ซึ่งถ้าเราไม่มีการเพิ่มทุน ก็คิดว่าช่วงต้นปีเราจะยังก่อหนี้ได้อีก 6 พันล้านบาท แต่ไปถึงปลายปีจะเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาท แต่เมื่อถึงเวลาที่จะใช้เงินจริงๆก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ เราก็ต้องการที่จะมาดูทางเลือกทั้งไปกู้หรือออกหุ้นกู้ ซึ่งโดยปกติเราก็จะมี 2 ทางเลือกไว้เสมอ"นายสมโพธิ์ กล่าว
ส่วนเรื่องแผนขยายการลงทุนธุรกิจน้ำประปาและธุรกิจบำบัดน้ำเสียไปในต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาการลงทุนในประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน จากการเก็บข้อมูลพบว่า การทำธุรกิจน้ำประปาในต่างประเทศนั้นมีความเสี่ยงจากเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากรายได้ที่ได้รับจะเป็นสกุลเงินท้องถิ่น และการลงทุนเองก็ต้องใข้เวลา ดังนั้นจึงเห็นว่าจะต้องปรับการลงทุนเป็นการเข้าร่วมทุนกับธุรกิจท้องถิ่นที่มีอยู่แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าในปีนี้จะได้เห็นการลงทุนในต่างประเทศ
ส่วนธุรกิจผลิตน้ำในปีนี้ แม้บริษัทยังไม่มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เนื่องจากในปีที่ผ่านมาได้มีการขยายกำลังการผลิตจาก 3.2 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน เป็น 4.4 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งจะสามารถรองรับได้อีก 3-4 ปี หรือรองรับได้ถึงปี 58 แต่บริษัทก็ได้มีการเตรียมวางแผนภายในปลายปีนี้ที่จะขยายกำลังการผลิตเฟสใหม่ไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน
"ตอนนี้เราก็มีการเตรียมการเรื่องเฟสใหม่อยู่ เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปีครึ่ง ปกติเฟสใหม่เราก็จะขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 แสนลูกบาศก์เมตร./วัน ก็ใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างประมาณ 6-8 พันล้านบาท"นายสมโพธิ์ กล่าว
ปัจจุบันโรงงานที่นครปฐมมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 4.4 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน แต่ใช้กำลังการผลิตจริงประมาณ 80% หรือ 3.2 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน แต่คาดว่าในช่วงปลายปีจะเพิ่มเป็น 3.4-3.5 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน ด้านโรงงงานที่ปทุมธานีมีกำลังการผลิตรวมที่ 3.88 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน ใช้จริงเกือบ 90% หรือ 3.45 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน