DEMCO ย้ายเข้าเทรดใน SET 4 ก.พ. เชื่อสภาพคล่องหุ้นสูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 2, 2011 11:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ. เด็มโก้ (DEMCO) ผู้นำธุรกิจด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้า รวมถึงผลิตและจำหน่ายเสา โครงเหล็กสำหรับงานด้านไฟฟ้า โทรคมนาคมให้กับภาครัฐและเอกชน เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.54 เป็นต้นไป บริษัท จะย้ายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลังจากที่บริษัทฯ มีคุณสมบัติครบถ้วนเข้าหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยฐานะการเงิน ณ ไตรมาส 3/53 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.53 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 2,189.22 ล้านบาท ขณะที่ทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 635.46 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 435.46 ล้านบาท

ทั้งนี้ เชื่อว่า หลังจากที่ย้ายเข้าไปจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว จะช่วยดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในหุ้น DEMCO มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เป็นต่างชาติอยู่ในระดับ 6-7% ขณะเดียวกัน เชื่อว่า การเข้าย้ายไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังจะช่วยสนับสนุนให้สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น DEMCO เพิ่มขึ้นด้วย

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการ DEMCO กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนและซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเอื้ออำนวยกับการระดมทุนของบริษัทฯ ในอนาคตมากขึ้น เนื่องจาก DEMCO มีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานทดแทนทำให้อาจจะมีความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเติมในอนาคต โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเสนอราคาในฐานะผู้ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตรวม 60.9 เมกกะวัตต์ มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท

ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งได้รับใบอนุญาตแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย.53 โดยโครงการห้วยบงที่เป็นโปรเจ็กต์แรกในจังหวัดนครราชสีมา มูลค่ารวม 2.60 พันล้านบาท จะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 1/54 ขณะที่โครงการเขาค้อ มูลค่า 900 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มกลางปี 54

โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 5.20 พันล้านบาท โดยสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3.50 พันล้านบาทจะทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 60-70% ในปีนี้ ขณะที่โครงการสถานีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท จะเข้ามาเสริมรายรับของธุรกิจ รวมทั้งโครงการ 3G ของ บมจ.ทีโอที ก็น่าจะช่วยทำให้ยอดขายเสาของบริษัทฯ ที่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 20% ปรับตัวดีขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ