ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของ ADP Employer Services ที่ระบุว่า ภาคเอกชนเพิ่มการจ้างงานมากเกินคาดในเดือนม.ค. อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองในอียิปต์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 1.81 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 12,041.97 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.56 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 1,304.03 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.63 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 2,749.56 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 936 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 1 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจาก ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ภาคเอกชนได้เพิ่มการจ้างงาน 247,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.ปี 2553
ตัวเลขจ้างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดของภาคเอกชนสหรัฐได้ช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ให้สามารถปิดในแดนบวกได้ หลังจากตลาดถูกกระหน่ำขายทำกำไรในช่วงเช้า อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันวน ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดอ่อนตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในอียิปต์
เหตุการณ์ประท้วงในอียิปต์ยังคงดำเนินไปจนถึงขณะนี้ ซึ่งแม้ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ยืนยันว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนก.ย. แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะลาออกจากตำแหน่งตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนับล้านที่ออกมาเดินขบวนประท้วงในกรุงไคโรและเมืองอเล็กซานเดรีย จนนำไปสู่การปะทะกันรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ในขณะนี้
หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ปิดพุ่งเกือบ 9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 พุ่งขึ้น 22% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดปี 2554 ขณะที่หุ้นอิเล็กทรอนิก อาร์ทส์ อิงค์ ปิดบวก 16% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2554
ส่วนหุ้นแมทเทล อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ ปิดบวก 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเพิ่มขึ้น 9% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์บาร์บี้และฟิสเชอร์-ไพร์ส
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สถาบันจัด ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนม.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 9.5% ในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในเดือนธ.ค