- ประเด็นสำคัญวันนี้ เน้นหนักไปที่ราคาน้ำมันที่ต้องจับตาจับตาบมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ว่าจะมีการปรับราคาน้ำมันตามผู้ค้ารายอื่นที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้หรือไม่ จากที่ค่าการตลาดของ ปตท.และบางจากฯ ทั้งบี3 และบี5 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 60 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งคงจะต้องรอการประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์นี้ว่าจะมีการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคาดีเซลหรือไม่
ขณะที่ ในการประชุมครั้งก่อน (1 ก.พ.) รายงานตัวเลขการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 2,990 ล้านบาท จากที่จัดสรรไว้ 5,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงมีเงินเหลืออยู่ 2,010 ล้านบาท จะใช้ชดเชยได้อีก 14 วันเท่านั้น จากนี้ไปต้องดูว่ารัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป
- ด้านกระทรวงพาณิชย์วันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อหารือปัญหาปาล์มน้ำมันขาดแคลนและการจำหน่ายเกินราคาว่าจะเข้าข่ายการฮั้วราคากันหรือไม่ ซึ่งจะนำไปใช้เป็นแนวทางปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ให้สมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะในเกณฑ์อำนาจเหนือตลาดที่ผู้มีอำนาจเหนือตลาดร่วมกันฮั้วจนทำให้ตลาดปั่นป่วน
- ขณะที่กรมการค้าภายใน และองค์การคลังสินค้า (อคส.) จะไปหารือกับผู้ผลิตและผู้ใช้อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทุกส่วน เพื่อทราบความต้องการใช้ของทุกอุตสาหกรรม ก่อนประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อจัดสรรโควตาน้ำมันปาล์มไปช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบปัญหาขาดแคลน หลังจากที่ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ได้อนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์อีกรอบที่ 1.2 แสนตัน
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) นัดหารือร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมถึงแนวทางรองรับผลกระทบจากโครงการศูนย์การค้าส่งนานาชาติไทย - จีน ขนาดใหญ่บน ถ.บางนา-ตราด ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางการค้าไทย-จีน ภายใต้โครงการ Chian City Complex แต่หลายภาคส่วนยังแสดงความกังวลต่อการปรับตัวและผลกระทบจากโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs)
- ประเดิมศุกร์นี้เป็นครั้งแรก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นัดประชุมติดตามงานราชการผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ จากทำเนียบรัฐบาลปยังส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยวาระที่น่าสนใจในเป็นการติดตามปัญหาเรื่องเขื่อนราษีไศล และประเด็นเรื่องยางพารา
- ส่วนงานสัมมนาน่าสนใจวันนี้ เวลา 19.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมงานก้าวสู่ปีที่ 9 หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ พร้อมกับปาฐกถาในหัวข้อ "เลือกตั้งใหม่ ความหวังประเทศไทย" ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทาราแกรนด์
- ธนาคารกสิกรไทย จัดพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและธนาคารชิสึโอกะจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อกระชับความร่วมมือทางธุรกิจในการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าญี่ปุ่นในประเทศไทย ที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานพหลโยธิน
- เวลา 14.00 น. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จัดงานสัมมนา "Update เศรษฐกิจโลกผลกระทบหุ้นไทย" โดยมีนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และนายสุชีล นารูลา กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย เข้าร่วมงานสัมมนาด้วย
- ส่วนประเด็นการเมืองวันนี้ หลังจากที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ออกมาส่งสัญญาณเตรียมขอฉันทามติจากกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 19 ก.พ.ว่าจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อที่ราชประสงค์หรือไม่ ดังนั้นในช่วงนี้จึงต้องติดตามท่าทีแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจย่านราชประสงค์ว่าจะมีการตอบโต้กลับหรือมีข้อเรียกร้องกลับไปอย่างไร เพราะผลกระทบจากการชุมนุมในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 ที่ผ่านมาดูเหมือนจะยังไม่จางหายไป
- ใกล้ครบกำหนดเส้นตาย 3 วันในวันที่ 5 ก.พ.นี้ ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องการให้รัฐบาลนำตัวคนไทย 2 คน คือ นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ กลับมายังประเทศไทยแบบไร้มลทิน หลังจากถูกกัมพูชาตัดสินลงโทษจำคุก
ซึ่งพันธมิตรฯ เตรียมจะขอฉันทามติจากกลุ่มผู้ชุมนุมในวันพรุ่งนี้ว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมเพื่อกดดดันเรียกร้องรัฐบาลต่อเรื่องนี้อย่างไร
- ขณะที่ฟากฝั่งของเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ โดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายฯ ระบุว่า ในวันนี้และวันพรุ่งนี้จะระดมคนมาต่อสู้ร่วมกันกับกลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากที่ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดรัฐบาลจึงเข้าจับกุมตัวนายการุณ ใสงาม ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวประสานการช่วยเหลือ 2 คนไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวในช่วงนี้ โดยมองว่ารัฐบาลต้องการตัดตอนการช่วยเหลือ 2 คนไทยหรือไม่ ทั้งที่นายการุณ ถือเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือคนไทยในการติดต่อประสานกับกัมพูชา เพราะสามารถเข้าใจภาษาเขมรได้ดี