นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวในงานสัมมนา"Update เศรษฐกิจโลก ผลกระทบหุ้นไทย"ว่า ปี 54 มีความชัดเจนสูงว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขการซื้อสินค้าคงทนมีมากขึ้น ขณะที่นายเบน เบเนเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐออกมาพูดว่าเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว แต่คงต้องดำรงนโยบายดอกเบี้ยต่ำระยะหนึ่ง ส่วนยุโรป เศรษฐกิจของเยอรมันมีสัญญาณดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่ประเทศที่มีปัญหาหนี้สาธารณะสูงอย่างกรีซ สเปน และอิตาลี ยังคงเป็นปัญหา
"ปีนี้เป็นปีที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใหญ่ๆ ความเสี่ยงสามารถขีดวงจำกัด แต่แน่นอน อียิปต์มีความเสี่ยงเรื่องการเมือง การก่อการร้าย ยังยู่กับตลาดทุนไปอีกระยะหนึ่งเป็นความเสี่ยงใหม่ที่เกิดขึ้น แต่อียิปต์เป็นประเทศเล็กกว่าไทย ถ้าการปะทะคงไม่มีผลกระทบไปถึงประเทศซาอุฯ ก็ไม่น่าห่วงอะไร และก็มองโอกาสที่จะไปถึงซาอุฯน้อยมาก" นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าน่าจะเริ่มทรงๆ และจะเห็นการปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากช่วงต้นปีแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มีอัตราเงินเฟ้อเป็นแรงกดดันมากขึ้น และหากปัญหาเงินเฟ้อเริ่มชะลอ อาจไม่เห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีกในช่วงกลางปี ดังนั้น จะเริ่มมีเงินไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยปีนี้มองดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1180 จุด
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ปีนี้มีความเป็นไปได้ที่เม็ดเงินจะไหลกลับไปที่สหรัฐ ซึ่งสหรัฐยังใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ เพราะถ้าดูมูลค่าหุ้นของตลาดเกิดใหม่อ้างอิงกับ PE สหรัฐ ในปี 53 ประสิทธิภาพการทำกำไรของตลาดเกิดใหม่เฉลี่ยโต 7% สินทรัพย์โต 50% แต่สหรัฐกำไรโต 6% สินทรัพย์โต 10% เป็นไปได้ที่เงินจะไหลกลับไป
ขณะที่นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.แอสเซทพลัส กล่าวว่า ปีนี้ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นดาวเด่นน่าจะฟื้นตัวดีที่สุด เพราะมูลค่าหุ้นบิ๊กแคป เช่น ในกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ ทั้งไมโครซอฟต์ กูเกิล ยังมีราคาถูก ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มแบง์ เช่น เจพีมอร์แกน ซิติ้แบงก์ ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ดังนั้นภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐและบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐยังน่าสนใจ เห็นได้ว่าราคาหุ้นในสหรัฐเริ่มปรับขึ้น ส่วนตลาดยุโรปต้องเลือกเป็นประเทศ เช่น ในกลุมอุตสาหกรรมอาหาร ยา เวชภัณฑ์ สุขภาพดี ยังมีราคาถูก
ด้านนายสุชิล นารูลา กรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่าเหตุการณ์ในอียิปซ์ไม่น่าส่งผลกระทบมาก หากไม่ลุกลามไปประเทศอื่น แต่อาจจะทำให้ประเทศกลุ่มอาหรับเกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง เป็นสิ่งที่สบายใจคือแม้จะมีการปะทะกันแต่ก็ยังไม่ลุกลาม อาจจะมีผลต่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตาม จนทำให้การดำเนินธุรกิจสะดุดบ้าง แต่มองเป็นช่วงสั้น
อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมา ยังไม่ควรรับเข้าไปซื้อตาม เพราะยังมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องตาม 2-3 เรื่องในช่วง 2 ไตรมาสข้างหน้า โดยเดือน มี.ค.ที่จะมีการประชุมเพื่อแก้ปัญหาการเงินของกลุ่มยูโรโซน และเดือน เม.ย.จะมีการรีไฟแนนซ์ของรัฐบาลบางประเทศในยุโรปที่มีปัญหา และสิ่งที่น่าห่วง คือ ช่วงเดือน มิ.ย.หากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มดีขึ้น เดือน ก.ค.เม็ดเงินจากมาตรการ QE2 หมดลงแล้ว ต่างชาติจะถอนเงินอย่างไร เป็นสิ่งที่น่าห่วง ดังนั้น ช่วงนี้น่าจะหาจังหวะในการปรับพอร์ตดีกว่า
"สหรัฐเศรษฐกิจดูดีขึ้น แต่ทำไมดอลลาร์อ่อนเทียบกับยูโร ที่แปลกคือดอลลาร์น่าจะแข็งค่า"นายสุชีล กล่าว