ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับอัตราว่างงานสหรัฐร่วง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากอัตราว่างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐที่ลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย รวมทั้งรายงานภาคการผลิตที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งในสหรัฐและยุโรป

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 22.53 หรือ 0.31% ปิดที่ 7216.21 จุด ปิดที่ 4047.21 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสดีดขึ้น 10.62 จุด หรือ 0.26% ปิดที่

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวขึ้น 14.04 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 5997.38 จุด

ส่วนดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.3% ปิดที่ 285.90 จุด ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4

ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดหุ้นทั่วยุโรปได้แรงหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า อัตราว่างงานเดือนม.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9% ซึ่งเป็นระดัยต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552 หรือในรอบเกือบสองปี สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือนม.ค.จะดีดตัวขึ้นแตะ 9.5%

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนม.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบสี่เดือน และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 145,000 ตำแหน่ง โดยมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 60.8 จุด พุ่งขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 58.5 จุด ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18 ส่วนดัชนีภาคการผลิตของยุโรปขยายตัวสู่ระดับ 57.1 จุดในเดือนธ.ค. จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 55.3 จุด

หุ้นบาร์เคลย์ส บวก 2.4% เช่นเดียวกับหุ้นธนาคารอื่นๆทั่วยุโรป หลังจากที่โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ มีมุมมองเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมธนาคารเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 โดยให้เหตุผลว่า มูลค่าหุ้นกลุ่มธนาคารค่อนข้างต่ำ และความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปเริ่มคลี่คลายลง

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นตามราคาทองแดงในตลาดลอนดอน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นยักษ์ใหญ่ที่คำนวณในดัชนี Stoxx Europe 600 ขณะที่หุ้นริโอทินโตดีดขึ้น 5% และหุ้นแองโกล อเมริกันปิดบวก 10%

หุ้นทียูไอ ทราเวล ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่สุดของยุโรป ปิดร่วง 7.2% เนื่องจากความกังวลที่ว่าเหตุการณ์จลาจลในอียิปต์และตูนิเซียอาจส่งผลให้กำไรในไตรมาส 2 ของบริษัทหดตัวลงถึง 30 ล้านปอนด์