บล.เกียรตินาคิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ช.การช่าง (CK)ความคืบหน้าของไซยะบุรี อยู่ระหว่าง ตรวจสอบเรื่องสัญญาต่างๆ คาดเซ็นสัญญาได้ภายใน 1Q54 มูลค่าโครงการ 76,000 ล้านบาท(ระยะเวลาก่อสร้าง 8ปี)
ทั้งนี้ จากสัดส่วนการถือหุ้นของ CK ที่ 100% ในบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานผลิตไฟฟ้า (กำลังการผลิต 1,280 MW) ซึ่งทาง CK มีแผนขายหุ้นที่ถือในไซยะบุรีให้รัฐบาลลาว ที่สัดส่วน 20% บริษัทในประเทศลาว 5% และ 45% ขายให้พันธมิตรที่สนใจ เช่น PTT ฯลฯ โดยเน้นผู้ประกอบการในไทย
คาดผลประกอบการปี 54 บริษัทมีแนวโน้มที่ปรับดีขึ้นจากการรับงานของรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมถึงสายสีน้ำเงิน อีก 2 สาย และงานภาคเอกชน ที่มาจากงานเขื่อน รวมถึงงานฝ้ายน้ำล้นไซยะบุรีที่คาดหลังเซ็นสัญญาจะเริ่มรับรู้รายได้ได้ทันที
ในระยะยาวยังมีงานจากงบประมาณภาครัฐ คาดว่ายังให้ความสนใจในการพัฒนาสาธราณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลประกอบการของบริษัทร่วมที่ปรับดีขึ้น ทั้ง BECL TTW และ BMCL โดยรวมเริ่มเห็นผลกำไร ในขณะเดียวกับบริษัทมีแผนลงทุนในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพิ่มเช่น การร่วมลงทุนในบริษัท นครราชสีมา โซ่ล่าร์ ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่าเงินลงทุน 75 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนลงทุน 30%
สำหรับประมาณการปี 54 มีกำไรสุทธิ 697 ล้านบาท EPS 0.42 บาท ปรับวิธีการประเมินมูลค่าที่เหมาะสม P/Backlogเฉลี่ยในการรับงานต่อที่มีระดับสูงหลังบริษัทมีแนวโน้มและโอกาสที่ดีต่องานในมือที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะสะท้อนต่อผลประกอบการในอนาคต อยู่ที่ 11.85 บาท
โดยรวมของงานในมือ คาดหลังเซ็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในเดือน ก.พ-มี.ค.54 ซึ่งทั้ง 2 โครงการ และงาน SPP บริษัทค่อนข้างมั่นใจที่จะสามารถเพิ่มงานในมือ จาก 12,464 ล้านบาท เป็น 1.07 แสนบาท ได้ในปี 54
นอกจากนี้ มีแผนนำ SEAN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างต่างๆ CK ถือหุ้นอยู่ 38% โดย SEAN เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเขื่อนน้ำงึม 2 ที่สัดส่วน 75% และส่วนที่เหลือ 25% เป็นของรัฐบาลลาว โดยคาด ในปี 54 ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เกิดขึ้นหลังเขื่อนน้ำงึม 2 สามารถดำเนินการและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามกำหนด
ล่าสุด เมื่อ 4 ก.พ.54 หุ้น CK ปิดที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท(+0.62%)มูลค่าซื้อขาย 41.41 ล้านบาท