SIRI เตรียมเปิด 8 โครงการใหม่ช่วง Q1/54 มูลค่า 8.7 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 7, 2011 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ(SIRI)เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 54 จะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ประมาณ 8 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 3 โครงการ มูลค่าการโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,800 ล้านบาท รวมทั้งการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์อีกประมาณ 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,400 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการที่จะพัฒนาใหม่ทั้งสิ้น ประมาณ 8,700 ล้านบาท

แผนการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในช่วงไตรมาสแรกของปี 54 มีกลยุทธ์ที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจมีความแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จ ได้แก่ การสานต่อการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านเดี่ยว และโครงการทาวน์เฮาส์ที่จะเกิดขึ้นอีกหลายโครงการ รวมทั้งการขยายฐานการพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจรผ่านบริษัทในเครือต่างๆ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้ จากการที่กลุ่มแสนสิริมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้อีกประมาณ 30,000 ล้านบาท เป็นหลักประกันที่ดีของการสร้างกำไรในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า และเป็นแหล่งที่มาของกระแสเงินสดที่ดี

และจากความสำเร็จในการสร้างยอดขายได้กว่า 27,000 ล้านบาทในปี 53 รวมถึงผลจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดีอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้ SIRI สามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงกว่าปี 52 ซึ่งจ่ายเงินปันผลที่ 0.52 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมแผนเดินหน้า Road Show แก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนอีกด้วยง ที่ผ่านมา บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่าราคาซื้อขายหุ้นที่ PE แค่ 4.7 เท่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตลาด และคาดการณ์ว่า SIRI จะมีรายได้รวมในปี 53 ที่ 18,900 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 1,720 ล้านบาท รวมทั้งอัตราเงินปันผลปี 53 คาดว่าจะอยู่ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend yield สูง 10% ต่อปี ให้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสมของปีนี้ที่ 10.54 บาทต่อหุ้น หลังจากที่ SIRI สามารถสร้างรายได้และกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องในปี 53 รวมถึงคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปในอีก 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย

ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายที่ 7 บาท อิง PE ที่ 7 เท่า เพราะปัจจุบัน ราคาซื้อขายที่ PE แค่ 5.5 เท่า ในขณะที่สามารถจ่ายปันผลได้สูงเกือบ 10% โดยคาดการกำไรสุทธิปี 53 ที่ 1,693 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ