บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ตามที่ PTT มีข่าวก๊าซรั่วที่แหล่งผลิตลำรวจเอราวัณในอ่าวไทย ซึ่งถือหุ้น และ Opearate โดยบริษัท Chevron แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าท่อที่รั่วเป็นของ PTT หรือของ Chevron
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการรับก๊าซจากแหล่งนี้มีเพียง 6% ของปริมาณก๊าซรวมของ PTT จึงคาดว่าไม่มีผลกระทบ และสามารถเรียกก๊าซจากแหล่งอื่นชดเชยได้ เนื่องจากท่อรั่วไม่ใช่ท่อหลัก(Main Pipeline) คาดว่า PTT จะขอเรียกก๊าซเพิ่มจากแหล่งอื่นในอ่าวไทย เช่น บงกช ไพลิน หรือแม้แต่ MTJDA ทั้งหมดเป็นแหล่งที่ PTTEP เป็น Main Operator ทำให้ PTTEP ได้ผลบวก
นอกจากนี้ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)หารือกับ"ปิโตรนาส"กรณีจะสำรวจก๊าซเพิ่ม ในแหล่งเจดีเอ เนื่องจากความต้องการก๊าซธรรมชาติของไทย-มาเลเซียเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันสูงขึ้น โดยน่าจะสำรวจเพิ่มเติมทั้ง 2 แปลง บริษัทคาดว่าจะใช้งบประมาณส่วนหนึ่งในส่วนของงบลงทุนปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท
อีกทั้งเชื่อว่าหลังจากออสเตรเลียให้กลับไปดำเนินการผลิตที่แหล่งมอนทาราต่อ จะสร้างผลดีทาง Sentiment ให้กับ PTTEP มากกว่าผลเชิงมูลค่าหุ้นที่จะบวกขึ้น Overhang หมดไป เพราะอย่างน้อยแม้ดำเนินการสำรวจขุดเจาะที่มอนทางราแล้วได้ผลผลิตไม่มาก แต่จะได้รับการชดเชยคืนทางด้านประกันภัยจากบริษัทประกัน และดำเนินการแหล่งมอนทาราจนขุดน้ำมันได้ครบแล้ว สามารถนำแท่นขุดเจาะไปสำรวจในแหล่งอื่นได้ โดยการขนย้ายแท่นทางทะเล (ขอให้ได้เข้าไปทำก่อนขุดได้มากได้น้อยค่อยว่ากัน) รวมทั้งไดกู้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ PTTEP กลับ และเป็นเสมือนยันต์กันการเรียกร้องที่เกินความจริงจากอินโดนีเซีย
วานนี้(7 ก.พ.)หุ้น PTTEP ปิดที่ 176.50 บาท ลดลง 1.50 บาท(-0.84%)มูลค่าซื้อขาย 1,426.79 ล้านบาท