นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 2 พันล้านบาท โดยจะเน้นการลงทุนในธุรกิจปุ๋ยชีวภาพ และธุรกิจปิโตรเลียม รวมทั้ง ธุรกิจแปรรูปพลาสติก-ยางใช้แล้วเป็นน้ำมัน
ทั้งนี้ ธุรกิจปุ๋ยชีวภาพ ได้เริ่มผลิตและขายในเดือนม.ค.54 ช่วงต้นมีกำลังการผลิต 3 พีน/เดือน และอาจจะมีการผลิตถึง 5 พันตัน/เดือน และยังมีโครงการต่อเนื่องนำไปทำโครงการพลังงานทดแทน โดยจะใช้เงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท ส่วนธุรกิจแปรรูปพลาสติก-ยางใช้แล้วเป็นน้ำมัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 700-800 ล้านบาท
และธุรกิจปิโตรเลียม ล่าสุดบริษัทได้รับสัมปทานแปลงสำรวจหมายเลข L29/50 ครอบคลุมพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ ซึ่งดำเนินโครงการภายใต้บริษัท ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ จำกัด(บริษัทย่อย) ซึ่งบริษัทวางเงินค้ำประกันไว้ ประมาณ 165 ล้านบาท โดยจะลงทุนสำรวจในช่วงระยะ 3 ปีแรก นับจากวันเซ็นสัญญาในวันนี้กับกระทรวงพลังงาน
"เราเชื่อมั่นว่าแปลงสัมปทานที่เราได้มีศักยภาพสูงกว่าแปลงอื่น...การลงทุนค่อนข้างเชื่อมั่นว่าจะประสบความสำเร็จ"นางอรพิน กล่าว
สำหรับธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจปูนซิเมนต์ และธุรกิจเม็ดพลาสติก LDPE นางอรพิน กล่าวว่า ในปีนี้รายได้จากทั้งสองธุรกิจมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปีก่อนตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยปัจจุบันบริษัทไม่สามารถขยายกำลังการผลิตปูนซิเมนต์ที่เดินเครื่องเต็ม 100% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 9 ล้านตัน และเม็ดพลาสติก 1.53 แสนตัน/ปี
นางอรพิน กล่าวว่า ปีนี้มีแนวโน้มความต้องการใช้ปูนในประเทศสูง จากโครงการใหญ่ภาครัฐ ได้แก่ งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า เช่นเดียวกับธุรกิจเม็ดพลาสติก หากมีความต้องการสูงเชื่อว่าราคายังคงอยู่ในระดับสูง
"ติดเรื่องปัญหาการเมือง และปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าไม่มีอะไร การเติบโตปูนจะสูงมาก...ในปัจจุบัน มีการแข่งขันสูง เราต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆมาแข่งขันในโลก free trade" นางอรพิน กล่าว
นางอรพิน กล่าวว่า บริษัทยังคาดว่าในปี 54 จะสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 600 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 500 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทในปีนี้ด้วย