บล.ทิสโก้ มองตลาดหุ้นไทยปีกระต่ายเข้าสู่ช่วงปรับฐานก่อนขึ้นต่ออีก 5-6 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 8, 2011 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ กล่าว ในงานสัมมนา"กลยุทธ์-หุ้นอั่งเปา 970-1,020 จุด"ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ถือเป็นปีของการปรับฐานก่อนจะไปต่ออีก 5-6 ปีข้างหน้า หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนี SET ปรับตัวขึ้นมาติดต่อกัน 2 ปีแล้ว

"ปีนี้คงเป็นการปรับฐานเหมือนช่วงปี 47 หลังปรับขึ้นมามากแล้ว 2 ปี ก่อนหน้า แต่ก็จะเป็นการปรับฐาน เพื่อเตรียมตัวที่จะขึ้นต่อไปอีก 5-6 ปี"นายวิวัฒน์ กล่าว

สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทยในเดือน ม.ค.54 ดัชนี SET ร่วงหลุดระดับ 1,000 จุด โดยร่วงแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 950 จุด ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมาเล็กน้อยที่ระดับ 964 จุด ในช่วงสิ้นเดือน ถือเป็นการปรับตัวลดลงในรอบ 8 เดือนเป็นผลมาจากการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิในตลาดกลุ่ม TIP เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ปรับตัวขึ้นมามากในปีที่ผ่านมา ต้นปีนี้จึงมีการขายทำกำไรออกมา ประกอบกับ มีความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อาจทำให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา

ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ก.พ.จะยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานต่อจากเดือนที่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงครึ่งเดือนแรกที่ตลาดหุ้นภูมิภาคหลายแห่งปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยซบเซาตามไปด้วย และยังถูกกดดันจากปัญหาการเมืองที่มีความตรึงเครียดขึ้น ทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา การชุมนุมของกลุ่มพธม.และนปช. รวมทั้งต้องติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยื่นอธิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทั้งนี้ คาดว่าทางรัฐบาลจะมีการยุบสภาฯและเลือกตั้งใหม่ภายในช่วงไตรมาส 2/54

กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในเดือน ก.พ. คาดว่าจะมีแนวรับ 970 จุด แนวต้าน 1,020 จุด และมีแนวต้านระหว่างทางที่ 995 จุด ทั้งนี้ถ้าดัชนีหลุดแนวรับ 970 จุด แนะนำให้หยุดเล่น หันมาถือเงินสดแทน อย่างไรก็ตาม มองว่าการปรับฐานของตลาดฯในช่วงนี้ มีโอกาสที่จะทยอยซื้อหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง แนะนำ BBL , DTAC , HMPRO , LPN ,QH , ROBINS , SCB , SPALI , TASCO ,TICON

"มองว่าตลาดฯในระยะสั้นช่วงเดือนนี้ เป็นการปรับฐานแต่อยู่ในช่วงขาขึ้น ดัชนีมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 995 จุด และ 1,020 จุด ซึ่งเป็น Technical rebound หลัง over sale ในเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติก็น่าที่จะพลิกกลับมาซื้อสุทธิในเดือนนี้ และแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 4/53 ของกลุ่มพลังงานน่าจะออกมาดี จึงช่วยเป็นปัจจัยหนุน แต่ภาพรวมระยะยาวถือว่าเป็นขาลง โดยช่วงเดือนหน้าตลาดฯคงลงมาที่ 950-920 จุด และคงลงไปสุดๆช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่ระดับ 900-920 จุด เนื่องจากน่าจะมีการยุบสภาและคงมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย"นายวิวัฒน์ กล่าว

ส่วนช่วงครึ่งปีหลังมองว่าน่าจะปรับตัวลงต่อ ตามทิศทางเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่จะไหลกลับตลาดสหรัฐฯและยุโรป หลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมาตรการ QE2 น่าจะจบเร็วกว่าที่คาด หลังตัวเลขว่างงานของสหรัฐฯปรับตัวลดลงดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ