ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 71.52 จุด เหตุนักลงทุนเมินจีนขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 9, 2011 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 7 วันทำการ เนื่องจากข่าวการควบรวมกิจการในภาคเอกชนของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเดินหน้าซื้อหุ้น โดยไม่ให้ความสนใจกับการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 71.52 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 12,233.15 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.52 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 1,324.57 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 13.06 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 2,797.05 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 890 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดอ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อช่วงเย็นวานนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตลาดก็เริ่มดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก หลังจากมีรายงานว่า บริษัทสหรัฐอีกหลายแห่งในสหรัฐประกาศควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% โดยให้มีผลตั้งแต่วันพุธที่ 9 ก.พ.เป็นต้นไป ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีอยู่ที่ระดับ 6.06% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีอยู่ที่ 3.00% ซึ่งการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนถือเป็นความพยายามล่าสุดในการสกัดเงินเฟ้อ

นายจาง หลี่ชิง ประธาน School of Finance มหาวิทยาลัย Central University of Finance and Economics กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางจีนขึ้นดอกเบี้ยในทันทีหลังจากช่วงวันหยุดตรุษจีนนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังตลาดว่า ธนาคารกลางจีนกำลังให้ความสนใจเรื่องเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคนกล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของตลาด เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมกราคมจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 5% และยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ในเดือนมกราคมอาจสูงถึงราว 1 ล้านล้านหยวน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากข่าวความสำเร็จในการขายพันธบัตรมูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงถึง 1.34% ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มกังวลว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นของอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในภาคเอกชน

หุ้นแมคโดนัลด์พุ่งขึ้น 2.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้น 30 ตัวที่คำนวนณในดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่สูงกว่าการคาดการณ์ ขณะที่หุ้นวอลท์ดิสนีย์ปิดบวก 3.7% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท และหุ้นเอวอน โพรดักส์ ปิดร่วง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนธ.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ