(เพิ่มเติม) MINT คาดรายได้-กำไร Q1/54 ดีกว่า Q1/53 ทั้งปี 54 คาดกำไรโตมากกว่า 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 9, 2011 17:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT) คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทในช่วงไตรมาส 1/54 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/53 และจะทำสถิติสูงสุดจากที่เคยบันทึกกำไรสูงสุดที่ 600 ล้านบาทในไตรมาส 1/53 เนื่องจากช่วงนี้จะมีการโอนโครงการเรสซิเดนท์ St.regis เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าทั้งปีนี้จะทำยอดขายโครงการดังกล่าวได้ไม่ต่ำกว่า 20 ยูนิต จากทั้งโครงการมีจำนวนห้องชุด 53 ยูนิต มูลค่า 4.5 พันล้านบาท และจะเปิดให้บริการส่วนของโรงแรมในช่วงเดือน มี.ค.54

"ในช่วง 5 ปีนี้เราตั้งเป้ากำไรสุทธิเติบโตปีละ 20% แต่ปี 54 คาดว่าจะโตกว่ามากกว่าเป้าหมาย เพราะปี 53 ฐานรายได้กำไรต่ำ และยังไม่มีการรับรู้รายได้จากธุรกิจเรสิเด้นทซ์อย่างจริงจังเหมือนปีนี้" นางปรารถนา กล่าว

ในด้านธุรกิจโรงแรมในปีนี้ บริษัทมีแผนขยายงานอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคาดว่าอัตราการเข้าพักจะฟื้นตัวขึ้น ในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 65% จากปีก่อนอยู่ที่ 54-55% ซึ่งช่วงต้นปีนี้มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน ยอดเข้าพักที่สมุยและภูเก็ตเต็มจำนวน จึงเห็นว่าปีนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนและเอเชียจะเป็นตัวผลักดันการเติบโตของธุรกิจโรงแรม ขณะที่นักท่องเที่ยวจากยุโรปและสหรัฐจะลดลง

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนใน 5 ปีจะเปิดโรงแรม Anantra Vacation อีก 9 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1 แห่ง โดยเน้นพื้นที่สำคัญ เช่น บาหลี มัลดีฟ และ ภูเก็ต เป็นต้น พร้อมกันนั้น ยังศึกษาสร้างโรงแรมเพิ่มเติมที่ศรีลังกา โดยเข้าซื้อที่ดินร่วมกับบริษัทลูกแล้ว แต่ยังไม่สรุปเม็ดเงินลงทุนและรูปแบบการก่อสร้าง คาดว่ามีข้อสรุปและจะเสนอคณะกรรมการบริษัทในไตรมาส 1/54

อีกทั้งยังมีการศึกษาโครงการใหม่ๆ ในแถบแอฟริกา 3-4 โครงการ แต่เป็นโครงการขนาดเล็ก มีจำนวนห้องพักประมาณ 15 ห้อง มูลค่าลงทุน 4 โครงการ รวมประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

นางปรารถนา กล่าวว่า บริษัทศึกษารีแบรนด์ รงแรมแมริออท แอนด์ สปา ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เปลี่ยนมาเป็นแบรนด์ อนันตรา หลังได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินอีก 30 ปี รวมที่ดินดังกล่าวจะมีสัญญานานถึง 38 ปี และบริษัทจะศึกษาสร้างศูนย์การค้าในพื้นที่เดิม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปี 54

ส่วนธุรกิจอาหาร บริษัทยังคงให้ความสำคัญที่จะเข้าเทกโอเวอร์กิจการอาหาร มากกว่าโรงแรม โดยได้ตั้งงบลงทุนในการเข้าซื้อกิจการอาหารและโรงแรมใน 3 ปีนี้(54-56)จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ในปี 54 จะใช้เงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่ใช้ไป 5 พันล้านบาท

นางปรารถนา กล่าวว่า ในปีนี้อยู่ระหว่างการศึกษาออกหุ้นกู้ ราว 3 พันล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในครึ่งแรกปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ