นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ในปี 54 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 10-12% จากทั้งระบบที่คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 6-8% โดยที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในอัตรา 4% โดยรวมปัจจัยการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในปีนี้
ขณะที่เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพุชา ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการดำเนินงานของธนาครพาณิชย์ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามชายแดน และสาขาธนาคารยังเปิดทำการตามปกติ
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ปัจจัยการเมืองยังเป็นความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น จะส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจให้ปรับสูงขึ้นตาม แต่หากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นก็ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
สำหรับ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 3% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 3.25% ซึ่งNPL ปรับลดลงต่อเนื่องในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการปรับโครงสร้างหนี้และมีการปล่อยสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ
ส่วน NIM คาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนที่ 3.63% แม้ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ธนาคารมีการปรับดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียม ตั้งเป้าเติบโต 15% จากทุกกลุ่มลูกค้า โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ประมาณ 40%ของรายได้รวม และตั้งเป้า ROE อยู่ที่ 17% จากปี 53 อยู่ที่ 16.4%
ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ SCB กล่าวว่า ในปี 54 ธนาคารรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) โครงการใหญ่หลายโครงการ โดยคาดว่าจะมีดีลในการรับเป็น FA เป็นมูลค่าหลักแสนล้านบาท และคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ได้ อย่างน้อย 50,000-60,000 ล้านบาท หรืออย่างมากอาจใกล้เคียง 1 แสนล้านบาท โดยที่จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากลูกค้ารายใหญ่เติบโต 10-11%
โดยขณะนี้ธนาคารมีดีลให้ บมจ.สหวิริยา (SSI) ในการซื้อกิจการในต่างประเทศ บมจ.อิตาเลียนไทย (ITD) ในการลงทุนโครงการทวายในประเทศพม่า และยังมีดีลการซื้อกิจการของกลุ่มปิโตรเคมี ขนาด 50,000-60,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในอีก 1 เดือน รวมถึงดีลโครงการโรงไฟฟ้า IPP
สำหรับการปล่อยสินเชื่อให้ บมจ.ทรู คอร์เปอเรชั่น (TRUE) วงเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท บริษัทได้มีการเบิกใช้เงินกู้ไปแล้ว 6,300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อกิจการฮัทช์ ส่วนที่เหลืออีก 9,000 ล้านบาท จะนำไปใช้ในการลงทุนขยายโครงข่ายระบบ 3จี ซึ่งจะทยอยเบิกใช้ภายใน 3 ปี โดยเห็นการการปล่อยสินเชื่อให้ TRUE ในการดำเนินโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากมีอัยการได้ตรวจสอบสัญญาที่ดำเนินการแล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา ส่วนเรื่องการเมืองไม่ขอออกความเห็น