ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการบริษัทรายใหญ่ รวมถึง ซิสโก ซิสเต็มส์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq สามารถดีดตัวขึ้นมาปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลดลงของตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 10.60 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 12,229.29 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.99 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 1,321.87 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.38 จุด หรือ 0.05% แตะที่ 2,790.45 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันหลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ซิสโก ซิสเต็มส์ เปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 4 ร่วงลง 18% เนื่องจากยอดสินค้าที่ขายให้กับหน่วยงานของรัฐบาลปรับตัวลดลง ซึ่งทำให้บริษัทคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ด้วย ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปิดร่วงกว่า 14% และส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน
หุ้นอะกามัย เทคโนโลยีส์ (Akamai Technologies) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ปิดร่วง 15% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้จะออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะการแข่งขันที่สูงจนทำให้บริษัทปรับลดราคาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ราคาหุ้นอะกามัยยังได้รับปัจจัยลบหลังจากบริษัทโบรกเกอร์ 3 รายของสหรัฐได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัท
นักวิเคราะห์จากคาบอท มันนี่ อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า ผลประกอบการที่อ่อนแอของอะกามัยและซิสโก ซิสเต็มส์ ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการใช้จ่ายและการลงทุนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีส่วนผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ
หุ้นเครดิต สวิส ร่วงลงกว่า 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายด้านการระดมทุนที่เข้มงวดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq สามารถดีดตัวขึ้นมาปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 ก.พ. ปรับตัวลดลง 36,000 ราย แตะระดับ 383,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.ค.ปี 2551 และปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 410,000 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. 2553 ปรับตัวขึ้น 1% แตะที่ 4.305 แสนล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค.