โบรกเกอร์ต่างเทคะแนนเสียง"ซื้อ"หุ้น บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์(LPN)ประเมินรายได้และกำไรสุทธิในปี 54 ยังเติบโตได้ต่อเนื่องในระดับสูง จากยอด backlog ที่สูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาทรอรับรู้เป็นรายได้ ซึ่งเป็นผลยอดขายปีที่แล้ว
ในปีนี้ยังมีการเปิดโครงการใหม่ 12-15 โครงการ เน้นโครงการตอนโดมิเนียมที่ LPN เป็นเจ้าตลาดนี้อยู่แล้ว ที่สามารถใช้เวลาก่อสร้างเพียง 8 เดือนเท่านั้น และแต่ละโครงการก็มียอดขายดี นอกจากนี้ ยังกระจายพอร์ตไปยังโครงการทาวน์เฮ้าส์ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากซัพพลายคอนโดมิเนียมที่มากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในปี 54 ปัจจัยลบ เช่น การเพิ่มขึ้นของวัสดุก่อสร้าง อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขาขึ้น ก็อาจจะเป็นตัวถ่วงให้ยอดขายในปี 54 ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปในปีหน้า
โบรกเกอร์มองว่า หุ้น LPN ให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับดี 6-7% และราคาหุ้นขณะนี้ถูก ต่ำกว่าราคาในอดีตเฉลี่ย P/E เท่า จึงเป็นจังหวะที่เข้าเก็บได้
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ธนชาต ซื้อ 14.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 14.00 บล.เคจีไอ ซื้อ 13.00 บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 12.62 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 12.10 บล.กสิกรไทย ซื้อ 11.70 บล.ฟิลลิป ซื้อเก็งกำไร 9.80
นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า หุ้น LPN ยังน่าลงทุน เนื่องจากยอดรับรู้รายได้ในปี 54 เติบโตตามจำนวนงานในมือ(backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท และใน 2-3 เดือนนี้มีโอกาสจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 53 ในอัตราหุ้นละ 0.37 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 4.5%
"ยังน่าลงทุนอยู่มีโอกาสได้เงินปันผล และ ราคาหุ้นยังมี upside รายได้มี growth เพราะมี backlog เป็นการันตีในปี 54"นางสาววิชชุดา กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิในปี 54 อยู่ที่ 1,784 ล้านบาท หรือเติบโต 12% จากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 1,590 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในปี 55 ต้องติดตามยอดขายในปี 54 ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นของราคาบ้านที่เป็นผลจากวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น
ในระยะสั้นมองว่าภาพตลาดหุ้นผันผวนมาจากปัจจัยต่างประเทศ แต่สามารถลงทุนหุ้น LPN ได้หากราคาย่อตัว น่าจะเข้าลงทุนได้ และสามารถลงทุนระยะยาว เพราะ LPN มีการจ่ายปันผล 2 งวดต่อปีและไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ กล่วว่า LPN เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้ที่ความแน่นอนสูง เป็นผลจากการที่บริษัทมี backlog ในมือสูง โดยปีนี้มี backlog เข้ามา 1.15 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ และรายได้ปีนี้เพิ่มจากปีก่อนราว 18.8% ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะมี 1,767 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 8.7%
และในปี 54 LPN จะเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการเป็นคอนโดมิเนียม 10 โครงการและทาวน์เฮ้าส์ 5 โครงการ จะช่วยเพิ่มยอด backlog ในปีหน้า
นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังต่ำ โดยเทรดบน P/E เฉลี่ย 5 ปี หรือประมาณ 8% ขณะที่ประเมินราคาเป้าหมายที่ 13 บาท บน P/E 11 เท่า รวมทั้งยังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลโดยปี 53 อยู่ที่ 6.6% และในปีนี้คาดว่จะอยู่ที่ 7.1%
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุว่า การขายโครงการเปิดใหม่ในปี 53 ที่ดี สร้าง Backlog รอโอนปี 54 แล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งรองรับประมาณการรายได้ปี 54 แล้วกว่า 90% ทำให้ทางฝ่ายคาดหมายผลประกอบการ ปี 54 มีความเสี่ยงต่ำ โดยคาดการณ์รายได้เติบโต 21% เป็น 11.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ราย จ่ายการดำเนินงานรวมต้นทุนน่าจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากภาระภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นกำไรปี 54 ยังเติบโต 13% เป็น 1.8 พันล้านบาท หรือ 1.23 บาทต่อหุ้น คาดหมายเงินปันผล 0.68 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ดี การชะลอตัวในตลาดคอนโดฯจาก Supply โครงการใหม่ที่ออกมามากในช่วงไตรมาส 4/53 ทำให้การขายโครงการใหม่ปี 54 น่าจะชะลอลง
ทั้งนี้ LPN ได้มีการปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโครงการมากขึ้น โดยแผนการเปิดโครงใหม่ 12 โครงการ มูลค่า รวม 1.8 หมื่นล้านบาท มีการเริ่มทำโครงการทาว์นเฮ้าส์ 2 โครงการ มูลค่า 2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือ 10 โครงการคอนโดฯ ประกอบด้วย 8 โครงการในก.ท.ม. และ 2 โครงการที่พัทยา
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา LPN ได้มีการเปิดโครงการอย่างไม่เป็นทางการ (Soft Launch) 2 โครงการแรกของปีนี้ ได้แก่ Lumpini Ville Lasalle มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท มียอดจอง 30% หรือ 270 ล้านบาท และ Condotown Serithai มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท มียอดจอง 60% หรือ 270 ล้านบาท
"ราคาหุ้น LPN ก็ไม่แพงมากในเชิง P/E และ Yield โดยซื้อขายบน P/E-2554 เกือบ 7 เท่า เทียบกับ ค่าเฉลี่ย P/E ในอดีตที่ 8 เท่า และเสนอ Yield สำหรับ 2H53 และ 2554 ที่ดีในระดับ 4.9% และ 7.9% แต่ด้วยความไม่ชัดเจนของกำไรปี 55 ปรับขึ้นเป็น“ซื้อเก็งกำไร" ราคาพื้นฐาน 9.80 บาท"บทวิเคราะห์ระบุ