บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง(SCCC)คาดว่า โครงการขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตปูนสำเร็จรูปมอร์ตาร์ (INSEE Mortar) และการเพิ่มสายการผลิตของโรงงานผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จริง คอนวูด จะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 55
สำหรับแนวโน้มในปี 2554 บริษัทฯ คาดว่าตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศจะมีอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 5-10% จากปีที่แล้ว จากการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ ของรัฐบาล และรายได้ของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงของสภาวะเศรษฐกิจในประเด็นของอัตราเงินเฟ้อ ราคาค่าพลังงานและอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังติดตามโอกาสการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งล้วนมีอัตราการเติบโตของตลาดในอัตราสูง
ส่วนผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/53 มีรายได้สุทธิรวมจากการขาย 5,338 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 52 อยู่ที่ 6.6% เนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดปูนซีเมนต์ทั้งในประเทศและในตลาดส่งออก แต่ราคาปูนซีเมนต์ในประเทศที่ลดลง ทำให้อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานลดลงเป็น 15.7% ในไตรมาส 4/53 เปรียบเทียบกับ 17.2% ในช่วงเดียวกันของปี 52 ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ 571 ล้านบาท ลดลงจาก 704 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 52 ดังนั้น กำไรสุทธิต่อหุ้นจึงเท่ากับ 2.48 บาท เมื่อเทียบกับ 3.06 บาทในไตรมาส 4/52
ตลอดปี 53 รายได้สุทธิโดยรวมจากการขาย เพิ่มขึ้นเป็น 20,982 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.1% จากปี 52 จากการลงทุนด้านการก่อสร้างของภาครัฐภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภาคเอกชน ทำให้อัตราความต้องการปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ราคาปูนซีเมนต์ที่ลดลง ทำให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานลดลงเป็น 17.5% จากอัตรา 19.7% ในปีก่อนหน้านี้ สำหรับกำไรสุทธิโดยรวมตลอดทั้งปี 53 เท่ากับ 2,701 ล้านบาท เท่ากับกำไรสุทธิต่อหุ้น 11.74 บาท เปรียบเทียบกับ 2,946 ล้านบาทและกำไรสุทธิต่อหุ้น 12.81 บาท ในปี 52