นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย(TMB) กล่าวว่า ฝ่ายบริหารเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.พ.54 พิจารณาจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 53 ซึ่งเป็นจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี ก่อนที่จะเสนอขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย.นี้
เหตุผลที่มีการจ่ายเงินปันผลเนื่องจากองค์ประกอบ 2 เรื่องสำคัญได้บรรลุตามวัตถุประสงค์แล้ว ได้แก่ ธนาคารสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด และในปี 53 ธนาคารมีผลกำไร 3.2 พันล้านบาท
สำหรับการดำเนินงานในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าจะสินเชื่อจะเติบโตมากกว่า 10% ภายใต้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัว 3.5-4.0% โดยมองว่าธนาคารมีศักยภาพเพียงพอในการปล่อยสินเชื่อให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และความสามารถในการแข่งขัน
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าลดสัดส่วนลงให้ต่ำกว่า 6% ตามสิ้นปี 53 อยู่ที่ประมาณ 7.7% ในปีนี้จะไม่มีการขาย NPL ออกไปแล้ว แต่จะเน้นการบริหารจัดการหนี้ส่วนที่เหลืออยู่
นอกจากนั้น ธนาคารยังคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย (NIM) ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2-0.3% จาก 2.2-2.3% ณ สิ้นปี 53 เนื่องจากในปีก่อนธนาคารมีต้นทุนทางการเงินค่อนข้างสูง และ NPL อยู่ในระดับสูง แต่ในขณะนี้ NPL ได้ปรับลดลงไปแล้ว ขณะที่สภาพคล่องของธนาคารยังมีอยู่สูง และสินเชื่อขยายตัวดี ช่วยสนับสนุน NIM ให้ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ ROE ปัจจุบันอยู่ที่ 6.7% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าปี 57 จะเพิ่ม ROE เป็น 14%
นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ TMB กล่าวย้ำว่า ทางไอเอ็นจีกรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ยังยืนยันเจตนาที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มจากส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ และไม่ได้คิดจะถอนตัว ซึ่งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาที่ได้มีการติดต่อพูดคุยกันอยู่นั้นทางไอเอ็นจีกรุ๊ปก็ยังแสดงความสนใจเช่นเดิม และอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางที่จะเข้ามาซื้อหุ้น
ส่วนปัญหาที่เกิดกับไอเอ็นจีในต่างประเทศนั้น คงไม่สามารถตอบแทนทางไอเอ็นจีนได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ขณะเดียวกันตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะขายหุ้นจะต้องให้สิทธิไอเอ็นจีกรุ๊ปเข้ามาซื้อหุ้นก่อน
นางเสาวนีย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ CIMB และ ICBC สนใจจะเข้ามาซื้อหุ้น TMB ในส่วนที่กระทรวงการคลังถืออยู่ว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะขณะนี้ไอเอ็นจีกรุ๊ปยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบาย ขณะที่กระทรวงการคลังก็ไม่ได้เร่งรีบขายหุ้น เนื่องจากธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นแล้ว และเรื่องราคาก็ยังไม่ได้มีการเจรจากัน
"ตอนนี้ไม่ทราบจริง ๆ ว่ามีใครเข้ามาติดต่อบ้าง"นางเสาวนีย์ กล่าว