นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า ในปี 54 เป็นโอกาสที่บริษัทก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 336,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 และมีรายได้เพิ่มเป็น 790 ล้านบาท
บริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ “MFC" ให้อยู่ระดับ 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมกองทุนที่มีผู้สนใจลงทุนในกองทุนของเอ็มเอฟซี ตั้งเป้าเป็นองค์กรห้าดาวที่มีคุณภาพ ทั้งผลการดำเนินงานของกองทุนจะต้องดีอย่างสม่ำเสมอ มีการบริหารกองทุนและการบริการที่ดี รวมทั้งความเป็นมืออาชีพของทีมที่ปรึกษาการลงทุนและผู้จัดการกองทุนที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจและการมีประสบการณ์การลงทุนที่ดีของลูกค้า โดยตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นมันสมองทางการลงทุนให้กับนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่ดังนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้ 17 กองทุน กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ 5 กองทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 4 กองทุน
ด้าน Private Equity เอ็มเอฟซีได้มีการเตรียมแผนการสำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ซึ่งเป็นกองทุนที่ระดมทุนจากผู้ลงทุนทั่วไป และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา ท่าอากาศยาน ท่าเรือน้ำลึก โทรคมนาคม ระบบขนส่งทางราง เป็นต้น เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องพึ่งพาการกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ทั้งในและนอกประเทศ ทำให้ไม่เป็นการก่อหนี้สาธารณะ
นอกจากนี้ เอ็มเอฟซียังได้เตรียมเพิ่มขนาดของกองทุน Flagship ของบริษัทด้วย
ทั้งนี้ เอ็มเอฟซีมุ่งสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง เป็นที่จดจำของผู้สนใจ โดยตั้งเป้าอยู่ในระดับ 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม ด้วยการเพิ่มการใช้สื่อที่เจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอาชีพ การเน้นสื่อ Social Marketing เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ อย่างแพร่หลายเพิ่มเติมจากลูกค้าปัจจุบันของบริษัท รวมทั้งการเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้าและสร้างประสบการณ์การลงทุนที่ดีแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่ความเชื่อมั่นต่อแบรนด์เอ็มเอฟซีในระยะยาว
เอ็มเอฟซีจึงได้นำกลยุทธ์ Customer Centric การคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยมีความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนระดับ 5 ดาว ซึ่งเอ็มเอฟซีตั้งเป้าหมายไว้ว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนทุกประเภทจะต้องรักษาอันดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ กองทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะต้องมีความแตกต่างและเพิ่มมูลค่า (add value) ให้แก่ลูกค้า การพัฒนาระบบบริการที่ทันสมัยสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม การพัฒนาและอบรมคุณภาพทีมงานด้านการตลาดเพื่อยกระดับการให้ความรู้และคำปรึกษาแก่ผู้สนใจลงทุน รวมทั้งการขยายช่องทางการจำหน่ายกองทุนโดยเพิ่มจำนวนผู้วางแผนการลงทุนส่วนบุคคล (IP) จาก 40 รายเป็น 60 ราย และเพิ่มจำนวนผู้แทนจำหน่ายหน่วยลงทุนที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ เอ็มเอฟซีจะพัฒนาระบบ Smart Service ได้แก่ Smart Trade, Smart Tele และ Smart Track ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกเวลา และสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น