บมจ. โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ได้มีมติอนุมัติการลงทุนโครงการแผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนาในประเทศไทย ประกอบด้วย การผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนาขนาดกว้าง 5.9 เมตร โดยมีกำลังการผลิต 28,800 ตันต่อปี และการผลิตเม็ดพลาสติกแบบ Batch โดยมีกำลังการผลิต 28,000 ตันต่อปี
ประเภทผลิตภัณฑ์ของสายการผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนาใหม่ จะมีความหนา 23-350 ไมครอน ซึ่งมูลค่าการลงทุนทั้งหมดของโครงการคาดว่าประมาณ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่ากับ 2,302 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน 30.6887 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ประกอบด้วยเงินลงทุนในโครงการ เช่น ค่าปรับปรุงที่ดินที่ตั้งโครงการ, ค่างานโยธาก่อสร้าง, ค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์, ภาระผูกพัน, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เป็นต้น จำนวน 65.5 ล้านเหรียญสหรัฐ(เทียบเท่ากับ 2,010 ล้านบาท) และเงินทุนทุนหมุนเวียน จำนวน 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่ากับ 292 ล้านบาท)
การดำเนินงานขยายกำลังการผลิตคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 18 - 24 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติเงินกู้จากธนาคาร
โพลีเพล็กซ์เป็นผู้จัดจำหน่ายแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางหลักให้กับผู้ผลิตแปรรูปใหญ่ๆเกือบทุกรายในตลาดสำคัญๆของโลก ในช่วงที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างหลายครั้งในอุตสาหกรรมแผ่นฟิล์ม PET ผู้ผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางรายใหญ่บางรายเร่งดำเนินการที่จะเลิกการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเซ็กเมนต์ตลาดสินค้าอย่างบรรจุภัณฑ์ (แผ่นฟิล์มบาง) และแผ่นฟิล์มสำหรับอุตสาหกรรม (แผ่นฟิล์มทั้งชนิดบางและชนิดหนาแบบดั้งเดิม) ที่มีการแข่งขันสูงไปยังเซ็กเมนต์ที่เป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิกส์(การใช้แผ่นฟิล์มชนิดหนาแบบใหม่) ซึ่งจัดเป็นกลยุทธ์วางตำแหน่งทางการตลาดใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
ทั้งนี้ การที่โพลีเพล็กซ์ได้ดำเนินโครงการผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนา ทำให้เป็นการกระจายความเสี่ยงโดยเปลี่ยนจากการเน้นเซ็กเมนต์บรรจุภัณฑ์เป็นหลักไปสู่เซ็กเมนต์อุตสาหกรรม, แผ่นฟิล์มชนิดหนาสามารถสร้างส่วนต่างกำไรได้สูงกว่าและเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงมากกว่า ซึ่งเป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของรายได้, บริษัทมีโอกาสที่จะผลิตเพื่อป้อนแผ่นฟิล์มชนิดหนาสำหรับสายการผลิตแผ่นฟิล์มเคลือบอัดขึ้นรูป (ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย) และสายการผลิตแผ่นฟิล์มเคลือบซิลิโคนที่กำลังมีการลงทุนผลิตในประเทศไทยอันเป็นการสนองความต้องการภายในกลุ่มเอง
อีกทั้งเป็นการเสริมให้โพลีเพล็กซ์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือ (ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน) ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สำหรับแผ่นฟิล์มชนิดหนาแบบดั้งเดิม, ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการขายและจัดจำหน่ายที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ได้อย่างเต็มที่, เป็นการต่อยอดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนพื้นฐานที่สำคัญๆ โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตรายใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการลดต้นทุนเงินทุน, ลดค่าใช้จ่ายและค่าโสหุ้ยในการดำเนินงาน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายพนักงาน บริการที่ใช้ร่วมกัน ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารทั่วไป เป็นต้น