ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกสหรัฐขาดดุลงบประมาณ ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 5.07 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 15, 2011 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่ายอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐจะพุ่งขึ้นเกือบ 11% ของตัวเลขจีดีพี หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เสนอร่างงบประมาณมูลค่า 3.73 ล้านล้านดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 5.07 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 12,268.19 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.17 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 1,332.32 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 7.74 จุด หรือ 0.28% แตะที่ 2,817.18 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 817 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 1 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากประธานาธิบดีโอบามาได้เสนอร่างงบประมาณมูลค่า 3.73 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมกับเสนอให้มีการลดยอดขาดดุลของสหรัฐลง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะมียอดขาดดุลงบประมาณสูงถึง 1.65 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 11% ของตัวเลขจีดีพีในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการขาดดุลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

ข้อเสนอของโอบามาครอบคลุมถึงการตรึงงบประมาณการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงการเสนอให้มีการคงระดับการใช้จ่ายประจำปีบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับด้านกลาโหมเอาไว้เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถประหยัดงบประมาณได้กว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นวอล-มาร์ท สโตเรส อิงค์ หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ได้ปรับลดแนวโน้มผลประกอบการของวอล-มาร์ท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำจะหันไปจับจ่ายใช้สอยในห้างที่มีการลดราคา ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นวอล-มาร์ทปิดร่วง 1.6% ซึ่งถือเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ 30 ตัวที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์

หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ทส์ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ปิดร่วง 3% หลังจากบริษัทรายงานการขาดทุน 139 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนธ.ค.

วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., เฟดจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนม.ค. และเฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน FOMC เมื่อวันที่ 26 ม.ค.

วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.พ.และคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนม.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ